การติดต่อสื่อสารนับว่าเป็นความสามารถที่คุณสามารถฝึกซ้อมและก็ปรับปรุงให้เปลี่ยนเป็นข้อเด่นสำหรับในการดำเนินงานได้ โดยมันสามารถสร้างให้กำเนิดจังหวะสำหรับเพื่อการผูกมิตรอันดีในมากมายต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นความชมรมระหว่างคณะทำงาน ความข้องเกี่ยวระหว่างการติดต่อกับลูกค้า รวมทั้งความเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าที่ของการทำงานนั้นการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพ (Effective Communication) จะช่วยทำให้คุณได้โอกาสในความรุ่งโรจน์ไปสู่ตำแหน่งงานหรือหน้าที่ที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้อย่างง่ายๆนะครับ รวมทั้งผมได้รวมแนวทางดีๆเพื่อช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารของคุณนั้นมีคุณภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆมาฝากกันนะครับ
จุดเด่นของการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพ (Effective Communication)
ประโยช์จากการวิวัฒนาการติดต่อสื่อสารให้มีคุณภาพนั้นมีอยู่หลายชนิดที่นอกจากจังหวะความเจริญรุ่งเรืองในอาชีพงานการนะครับ ซึ่งมันก็มีหลายๆงานศึกษาค้นคว้าวิจัยหรือการสำรวจจากกลุ่มของตัวอย่างซึ่งสามารถเอามาสรุปได้ดังต่อไปนี้
ช่วยทำให้ขจัดปัญหาต่างๆได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ช่วยทำให้มองเห็นวิธีสำหรับเพื่อการปรับแก้ประเด็นต่างๆ
ทำความเข้าใจไม่ถูกและก็ลดช่องทางการเกิดการขัดกัน
ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นสำหรับในการดำเนินงาน
สร้างความเกี่ยวข้องมากขึ้นกับเพื่อร่วมงานรวมทั้งผู้อื่น
สร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองและก็คนที่อยู่รอบข้าง
จังหวะความเจริญในประเด็นต่างๆของชีวิต
What's next?
รวมเคล็ดวิธีเพื่อการติดต่อสื่อสารให้มีคุณภาพ
ผมขอแยกประเภทให้มองกล้วยๆโดยแบ่งได้ 4 หมวด อย่างเช่น
1. การพัฒนาความถนัดการเสวนา (Conversation)
เมื่อคือเรื่องของการคุยกันซึ่งก็คือการติดต่อสื่อสารแบบสองทาง (Two-ways communication) ที่มีการแบ่งปันความเห็นหรือวิชาความรู้ด้านต่างๆโดยควรมีความถนัดอีกทั้งการถ่ายทอดแล้วก็การชักจูงจิตใจให้คู่เจรจานั้นกำเนิดความรู้สึกที่ดีรวมทั้งต้องการสนทนากับคุณ พวกเรามาดูกันนะครับว่ามันมีอะไรกันบ้าง
แสดงความบริสุทธิ์ใจรวมทั้งบรรเทา
ในทุกๆครั้งของการพูดนั้นคุณจำเป็นต้องแสดงอารมณ์ถึงความสุจริตใจ และก็การถ่ายทอดความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับเพื่อนคุยโดยไม่บีบคั้นหรือพากเพียรทำแบบฝ่าฝืนๆซึ่งมันเป็นการเข้าไปแตะต้องในเรื่องของความรู้สึกของอีกข้างด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวคุณจำเป็นจะเข้าถึงอารมณ์รวมทั้งเรื่องราวที่กำลังคุยกันให้ลึกซึ้งเยอะที่สุดเพราะเหตุว่ามันจะสร้างบรรยากาศดีๆให้เกิดขึ้น
บอกอย่างฉะฉานและไม่รีบจนถึงเกินความจำเป็น
หลายๆครั้งในการบอกในที่ชุมชนหรือการสัมมนานัดหมายหลักๆมันจะก่อให้คุณรู้สึกอายและก็บีบคั้นจนถึงทำให้ท่านออกอาการตื่นเต้นกล่าวเร็วพูดรัวจนกระทั่งเหลือเกิน ซึ่งโน่นมันเกิดโทษต่อคนฟังแล้วก็ตัวคุณเองเอาซะเลย เพราะเหตุว่านอกคนฟังจะฟังไม่รู้เรื่องแล้วความน่าไว้วางใจในตัวคุณอาจน้อยลงอีก ด้วยเหตุนั้นคุณควรจะหมั่นฝึกหัด ตั้งใจก่อนเสวนาพูดจา แล้วก็จัดอันดับความนึกคิดก่อนบอกอะไรออกไป
การพัฒนาความชำนาญการคุยกัน (Conversation)
เลือกคำกล่าวให้สมควร
ทุกๆคำบอกเล่าที่คุณติดต่อสื่อสารออกไปมันชอบสร้างผลพวงไม่ทางบวกและก็ทางลบอยู่เป็นประจำ และก็ความที่คุณมีหลายหน้าที่ทั้งยังการเป็นบุคลากร ความเป็นทางการของเนื้องาน ความเป็นมิตรสนิท ความเป็นญาติพี่น้อง หรือคู่สมรส การเลือกใช้คำบอกเล่ารวมทั้งภาษาก็จะมีความไม่เหมือนกันออกไป โดยคุณไม่สามารถที่จะนำคำกล่าวในหน้าที่หนึ่งมาแทนที่กับอีกหน้าที่หนึ่ง เพราะว่ามันอาจจะก่อให้กำเนิดความไม่เหมาะสมขึ้น โดยเหตุนี้ควรจะไตร่ตรองว่าคนฟังเป็นคนใดกันอยู่ในเหตุการณ์ใด แล้วก็เลือกใช้คำบอกเล่าและก็ภาษาให้ดีเยี่ยมที่สุดนะครับ
ไม่ยอมรับอย่างสุภาพเรียบร้อย
การติดต่อสื่อสารรวมทั้งพูดคุยพวกเราจำต้องพบกับเรื่องที่ต่างกันด้านความนึกคิดอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ผิดขอรับที่คุณจะไม่ยอมรับหรือเปล่าเห็นด้วยเพียงแค่การไม่ยอมรับนั้นควรมีเชิงชั้นสักนิด ไม่ใช่ต้านแบบชักสีหน้าหรือใช้คำบอกเล่าที่ร้ายแรง โดยคุณควรที่จะต้องเปิดใจให้กว้าง พากเพียรรู้เรื่องมุมมองของคู่เจรจา เสนอมุมมองของคุณอย่างนอบน้อมและก็อย่าเพียรพยายามวินิจฉัยอะไรบ้างที่อยู่ในโดยทันที
ฝึกหัดถามคำถามบ้าง
อย่าลืมครับว่าการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพนั้นเป็นการติดต่อสื่อสารแบบสองทาง (Two-ways communication) ซึ่งมันก็คือคุณจำต้องไม่ยบอกอยู่ฝ่ายเดียวโดยจะต้องมีการฝึกหัดถามกลับบ้าง มิเช่นนั้นการติดต่อสื่อสารของคุณจะจบอย่างเร็วซึ่งมันสำเร็จเสียต่อหลายๆเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย
2. ภาษากาย (Body Language)
นอกเหนือจากการบอกแล้วสิ่งที่สามารถช่วยให้ท่านถ่ายทอดการติดต่อสื่อสารที่ดีนั้นก็เป็นเรื่องของภาษากายนะครับ โดยมันจำเป็นต้องมาคู่กันแบบอัตโนมัติที่แยกออกมาจากกันมิได้เลยจริงๆ
ยิ้มอย่างจริงใจรวมทั้งมีอารมณ์ขัน
การยิ้มแย้มแล้วก็อารมณ์ขันจะเป็นประตูสู่การติดต่อสื่อสารที่ดีเลิศเพิ่มขึ้นซึ่งมันช่วยทำให้คนฟังนั้นรู้สึกบันเทิงใจและก็แฮปปี้กับการคุยกันหรือการฟังได้ตลอด อย่ายิ้มแบบฝ่าฝืนๆเพราะเหตุว่าปรารถนาสร้างบรรยากาศดีๆแม้กระนั้นควรจะยิ้มแบบสุจริตใจที่มาจากจิตใจของคุณเอง ส่วนอารมณ์ขันนั้นก็อย่ามีมากเกินความจำเป็นเนื่องจากมันบางทีอาจแปลงเป็นการเล่นกระทั่งเกินความจำเป็น
Eye Contact
การมองตากันคู่เจรจาเป็นช่วงๆจะบ่งบอกถึงถึงความพึงพอใจความตั้งใจรวมทั้งความสุจริตใจ ต่ออีกทั้งสิ่งที่คุณกล่าวรวมทั้งเป็นการให้เกียรติกับคนฟังหรือคู่เจรจาครับผม รวมทั้งมันก็สิ้นสมัยของการพูดแบบอ่านหรืออ่านหนังสือไปแล้ว
บรรเทาอย่าเกร็ง
ความระทึกใจจะมีผลให้ร่างกายคุณสั่นหรือบางทีอาจกำเนิดอาการหน้าซีดก็ได้ ซึ่งมันคงจะไม่ดีแน่นอนถ้าหากคุณจะต้องกล่าวต่อหน้าต่อตาคนคนไม่ใช่น้อยนะครับ
ระวังภาษากาย
ไม่สมควรไขว่ห้างหรือกอดอกในระหว่างการสัมมนาหรือการเสวนาในช่องทางต่างๆนะครับ เพราะว่ามันแสดงถึงความไม่เคารพนับถือเพื่อนคุยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของชาวไทย แต่ว่าแม้เป็นบริบทของชาติตะวันตกบางชาติก็บางทีอาจมองคือเรื่องธรรดาครับผม อย่างไรก็ตามก็ควรเก็บแขนขาให้นิ่งๆคงที่จะดียิ่งกว่า นอกจากการเอนหรือบิดตัวไปๆมาๆ การเล่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือกระบวนการทำอะไรอันอื่นในขณะเสวนา อาจจะเป็นผลให้เสียสมาธิแล้วก็บรรยากาศนั้นเสียได้ในทันที
ภาษากาย (Body Language)
3. การฟังแล้วก็การสังเกต (Listening & Observation)
การพูดสิ่งเดียวแบบม้วนเดียวจบไม่ใช่การติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพแล้วก็ควรจะหลบหลีกเป็นอย่างยิ่ง โดยจำเป็นที่จะต้องใช้การฟังแล้วก็การสังเกตบริบทต่างๆเข้ามาเกี่ยวพันด้วย
มีความเกี่ยวข้องบ้าง
ทำให้คนฟังมีความคิดว่าคุณนั้นตั้งใจในสิ่งที่พวกเขากำลังกล่าว โดยไม่ปลดปล่อยให้การบอกนั้นเปลี่ยนเป็นการพูดอยู่ตามลำพัง คุณอาจผงกศีรษะหรือบอกว่า รู้เรื่อง เห็นด้วย ซึ่งหน้าที่อีกทั้งการเป็นผู้พูดแล้วก็คนฟังนั้นก็สามารถทำในลักษณะเดียวได้ด้วยเหมือนกัน มันจะตอนสร้างให้การติดต่อนั้นมีคุณภาพเยอะขึ้นได้ครับผม
ดูบรรยากาศในห้อง
คุณสามารถปรับโทนหรือน้ำเสียงสำหรับการเสนอเมื่อคุณมองเห็นท่าทางของคนภายในห้อง เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศการฟังที่ดีเยี่ยมเพิ่มขึ้น อย่างเช่น คนฟังเริ่มซึมๆเค้าหน้าเริ่มระอา คนฟังเริ่มทำอันอื่นแทนการให้ความสนใจกับการฟัง อะไรที่คนฟังพอใจเป็นพิเศษขณะที่คุณบอก
การฟังแล้วก็การสังเกต (Listening & Observation)
4. รายละเอียดสำหรับเพื่อการบอก (Information)
สาระสำคัญอีกส่วนใดส่วนหนึ่งก็คือการเตรียมข้อมูลและก็รายละเอียดในการติดต่อครับผม โดยแน่ๆว่าคุณจำต้องรู้เรื่องจุดมุ่งหมายของการติดต่อสื่อสารในพื้นฐานให้ได้อย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งมันก็มีต้นแบบการติดต่อสื่อสารในแต่ละเหตุการณ์หรือบริบทที่ไม่เหมือนกันออกไป ตัวอย่างเช่น ต้นแบบการสัมมนา ต้นแบบการอภิปราย แบบการนำเสนองาน แบบแนวทางการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ต่อจากนั้นก็คือเรื่องของการเตรียมรายละเอียดโดยยึดหลักต่างๆดังต่อไปนี้
หลบหลีกข้อมูลที่มากจนถึงเกินความจำเป็น
ในหลายๆครั้งคุณอาจได้โอกาสสำหรับการติดต่อนานๆครั้งมากมาย ก็เลยอุตสาหะจะยัดทุกรายละเอียดเข้าไปหรือเรียก่าเอาให้คุ้มแม้กระนั้นบางเวลามันก็ทำให้คนฟังจำอะไรมิได้ และไม่รู้ดีว่าจุดมุ่งหมายของการติดต่อสื่อสารนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ จนถึงอาจจะเป็นผลให้บรรยกาศสำหรับในการติดต่อนั้นเสียไปเลยก็ได้ โดยเหตุนั้นคุณควรจะคัดรายละเอียดที่เหมาะสมกับเป้าประสงค์รวมทั้งเหตุการณ์ ทำให้กระชับรวมทั้งตรงจิตใจคนฟังให้สูงที่สุดนะครับ
จัดอันดับจุดสำคัญ
โดยส่วนมากแล้วกรุ๊ปคนฟังจะไม่สามารถที่จะจำทุกอย่างอย่างได้ขณะที่แสนสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้เป็นการพรีเซนเทชั่นงานกับลูกค้าที่คุณจำเป็นต้องทั้งยังเสนอที่ไปที่มาของบริษัท ประสบการณ์ของบริษัท การนำเสนอบริการ และก็อื่นๆซึ่งโน่นเป็นเรื่องที่ควรทำขอรับแต่ว่าบางทีอาจต้องแบ่งรูปร่างรวมทั้งน้ำหนักว่าควรจะให้เวลาสำหรับในการจัดเตรียมรายละเอียดให้กับอะไรมากยิ่งกว่ากัน
รายละเอียดสำหรับเพื่อการบอก (Information)
นอกจากเคล็ดวิธีดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นที่ช่วยทำให้มีการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพ (Effective Communication) ก็ยังจำเป็นที่จะต้องเรียนบริบทที่เกี่ยวพันกับการติดต่อสื่อสารให้รอบด้านด้วยอย่างเดียวกัน ซึ่งมันก็เกิดเรื่องที่เกี่ยวโยงกับเพศผู้บอก เพศผู้ฟัง แล้วก็จุดมุ่งหมายของการติดต่อสื่อสาร ในความไม่เหมือนกันอีกทั้งสถานะ เชื้อชาติ รวมทั้งที่สำคัญซึ่งก็คือเรื่องของวัฒนธรรมครับผม โดยแม้ใคร่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมว่ามันเกี่ยวเนื่องกับการติดต่อสื่อสารยังไง ก็ทดลองเรียนมองจากลิ้งค์นี้ได้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น