วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ทฤษฎี การสื่อสารองค์กร เป็นแนวคิดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

 ทฤษฎีการสื่อสารองค์กร


เป็นสามองค์ประกอบสำคัญของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าบริษัทจะเล็กหรือใหญ่ ประเด็นเหล่านี้จำเป็นต้องเข้าใจและนำไปใช้เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ในบทความนี้ ฉันจะหารือเกี่ยวกับความสำคัญของแต่ละองค์ประกอบเหล่านี้ในการสร้างและรักษาองค์กรที่ประสบความสำเร็จ

ทฤษฎีเป็นแนวคิดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ 

มันเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจว่าธุรกิจดำเนินการอย่างไรและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของมัน ทฤษฎีครอบคลุมปัจจัยต่างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ กลยุทธ์ การตลาด การบัญชี การเงิน การจัดการการดำเนินงาน และทรัพยากรมนุษย์ การทำความเข้าใจทฤษฎีเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์สามารถช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การกำหนดราคาเพื่อให้ได้กำไรสูงสุดจากการขาย การวางแผนเชิงกลยุทธ์สามารถช่วยในการกำหนดวัตถุประสงค์ระยะยาว ในขณะที่ทฤษฎีการตลาดสามารถใช้เพื่อแจ้งแคมเปญส่งเสริมการขาย

การสื่อสารเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จของธุรกิจ

 การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงลูกค้า พนักงาน และซัพพลายเออร์ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินงานที่ราบรื่นขององค์กรใดๆ การสื่อสารที่ดีช่วยให้ทุกคนเข้าใจถึงสิ่งที่คาดหวังจากพวกเขาและวัตถุประสงค์โดยรวมของธุรกิจ ควรส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังทุกแผนกในองค์กร เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าบทบาทของตนคืออะไรในการบรรลุเป้าหมายของบริษัท การสื่อสารยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น

ประการสุดท้าย องค์กรเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

 สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างโครงสร้างและกระบวนการที่ทำให้การดำเนินงานภายในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น การกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบที่ชัดเจนให้กับพนักงานช่วยให้มั่นใจได้ว่างานจะสำเร็จลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยผู้ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ การมีระบบและขั้นตอนต่าง ๆ ทำให้แน่ใจว่าการดำเนินงานมีความสอดคล้องกันทั่วทั้งองค์กร ซึ่งช่วยปรับปรุงกระบวนการและปรับปรุงระดับการบริการลูกค้า

โดยสรุป ทฤษฎี การสื่อสาร และองค์กรเป็นสามองค์ประกอบที่สำคัญของธุรกิจ

ที่ประสบความสำเร็จ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านราคาได้ ในขณะที่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพช่วยให้มั่นใจว่าทุกคนเข้าใจบทบาทของตนภายในองค์กร ประการสุดท้าย การมีแนวทางปฏิบัติที่ดีในองค์กรช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการระดับสูงทุกครั้งที่มีปฏิสัมพันธ์กับบริษัท การทำงานร่วมกันทั้งสามด้านสามารถช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ประสบความสำเร็จได้สำหรับการลงทุนทางธุรกิจใดๆ

ทฤษฎีการสื่อสารของ McClosky

 

 ทฤษฎีการสื่อสารของ McClosky



เป็นทฤษฎีการสื่อสารที่ครอบคลุมซึ่งเสนอโดยนักจิตวิทยา Robert McCloskey ในปี 1950 ทฤษฎีนี้ตั้งสมมติฐานว่าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพต้องใช้องค์ประกอบทั้งคำพูดและอวัจนภาษา และแนะนำวิธีปรับปรุงการสื่อสารระหว่างผู้คน มีการใช้อย่างกว้างขวางในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ธุรกิจ การดูแลสุขภาพ และการให้คำปรึกษา

ทฤษฎีระบุว่าการสื่อสารประกอบด้วยห้าองค์ประกอบ

ที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน: ผู้ส่ง ผู้รับ ข้อความ ช่องทาง และข้อเสนอแนะ ผู้ส่งคือบุคคลที่เริ่มกระบวนการสื่อสารโดยการส่งข้อความไปยังบุคคลอื่นที่เรียกว่าผู้รับ ข้อความคือเนื้อหาของการสื่อสารซึ่งอาจเป็นคำพูดหรืออวัจนภาษาก็ได้ ช่องทางหมายถึงวิธีการส่งข้อความจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง เช่น ผ่านคำพูดหรือข้อความลายลักษณ์อักษร ประการสุดท้าย คำติชมเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสื่อสารที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเป็นการยืนยันว่าข้อความได้รับและเข้าใจอย่างถูกต้อง

ลักษณะที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของทฤษฎีการสื่อสาร

ของ McClosky คือการเน้นที่การสื่อสารแบบอวัจนภาษา สัญญาณอวัจนภาษา เช่น การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง และภาษากาย มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารที่ประสบความสำเร็จ สัญญาณอวัจนภาษาช่วยสื่อความหมายที่เหนือกว่าสิ่งที่สามารถแสดงออกมาทางวาจา โดยให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับอารมณ์และทัศนคติที่อาจไม่ชัดเจนด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว ทฤษฎีนี้เสนอว่าผู้คนควรให้ความสนใจกับสัญญาณอวัจนภาษาเมื่อสื่อสารกับผู้อื่น เพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด

องค์ประกอบที่สำคัญ

อีกประการหนึ่งของทฤษฎีการสื่อสารของ McClosky คือการมุ่งเน้นไปที่ทักษะการฟังอย่างกระตือรือร้น การฟังอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวข้องกับการตั้งใจฟังและมีส่วนร่วมกับผู้พูดโดยการถามคำถามและชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้นระหว่างการสนทนา สิ่งนี้ช่วยให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจมุมมองของกันและกันและอำนวยความสะดวกในการเจรจาที่มีประสิทธิผล นอกจากนี้ การฟังอย่างตั้งใจยังส่งเสริมการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างผู้เข้าร่วม เนื่องจากช่วยให้พวกเขาให้ความสนใจอย่างเต็มที่โดยไม่ขัดจังหวะหรือตัดสิน

ประการสุดท้าย ทฤษฎีของ McClosky 

เน้นความสำคัญของการเอาใจใส่ในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การเอาใจใส่เกี่ยวข้องกับการพยายามเข้าใจประสบการณ์หรือมุมมองของผู้อื่นโดยไม่ตัดสินหรือตั้งสมมติฐานจากประสบการณ์หรืออคติของเราเอง การฟังอย่างเห็นอกเห็นใจเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับผู้คนในการแสดงออกโดยไม่ต้องกลัวคำวิจารณ์หรือความเข้าใจผิด ซึ่งอาจนำไปสู่การสนทนาที่มีความหมายมากขึ้นและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นโดยรวม

โดยสรุป ทฤษฎีการสื่อสารของ McClosky 

ให้กรอบที่ครอบคลุมสำหรับการทำความเข้าใจว่าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเกิดขึ้นระหว่างบุคคลสองคนอย่างไร เน้นความสำคัญขององค์ประกอบทั้งคำพูดและอวัจนภาษา รวมถึงทักษะการฟังอย่างกระตือรือร้นและการเอาใจใส่เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการสนทนา การให้ความสนใจกับองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคนรอบข้างผ่านทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น

วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ยกตัวอย่าง การติดต่อสื่อสารอย่างมีคุณภาพ

 การติดต่อสื่อสารอย่างมีคุณภาพ (Effective Communication) โดย ภญ.ธันยพร จารุกว้างใหญ่Tags: หลักสูตรการติดต่อสื่อสาร, หลักสูตร effective communication

การติดต่อสื่อสารอย่างมีคุณภาพ

การติดต่อสื่อสารอย่างมีคุณภาพ (Effective Communication)


สำหรับในการดำเนินงานนั้น การติดต่อสื่อสารเป็นความถนัดที่ใช้บ่อยๆไม่ว่าคุณจะอยู่ในหน้าที่หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน หลายทีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากความรู้ความเข้าใจที่ขัดแย้งของผู้ส่งสารแล้วก็ผู้รับสาร ด้วยเหตุนั้นแม้มีความถนัดสำหรับเพื่อการติดต่อที่ดีจะช่วยทำให้ได้งานตามอยากได้ ปฏิบัติงานได้อย่างง่ายดาย รวดเร็วทันใจ นำมาซึ่งการทำให้คุณภาพสำหรับเพื่อการดำเนินงานสูงและก็แฮปปี้สำหรับในการปฏิบัติงาน คนภายในหน่วยงานมีความร่วมแรงร่วมมือกัน ความไม่ถูกกันลดน้อยลงจ้ะ


อำเภอภญ.ธันยพร (ก้อย) เห็นว่าความชำนาญนี้เป็นความชำนาญที่สำคัญ แล้วก็ฝึกหัดได้ ก็เลยตั้งอกตั้งใจที่จะแบ่งปันวิชาความรู้และก็ประสบการณ์ แล้วก็เชื้อเชิญทุกคนมาฝึกซ้อมกันจ้ะ


ติดต่อสื่อสาร ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช๒๕๕๔ คือ นำถ้อยคำ ใจความ หรือหนังสือ ฯลฯ ของข้างหนึ่งส่งให้อีกข้างหนึ่งโดยมีสื่อนำไป ในเนื้อหานี้จะเน้นย้ำเรื่อง two-way communication หรือการติดต่อสื่อสาร 2 ทาง ซึ่งเป็นการติดต่อที่ผู้รับสารมีการสนองตอบ มีปฏิกิริยาตอบกลับไปยังผู้ส่งสาร ดังเช่นว่าตอบโต้ เปลี่ยนความนึกคิดกัน ฯลฯ


ความสามารถการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพ มีดังนี้


1. การเป็นคนฟังที่ดี


การฝึกฝนเป็นคนฟังที่ดี เป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนติดต่อสื่อสาร ถ้าเกิดพวกเราฝึกฝนฟัง โดยการมีสติสัมปชัญญะ อยู่กับปัจจุบันนี้ ตั้งใจฟังคนข้างหน้าอย่างตั้งใจ แล้วก็บริสุทธิ์ใจ ไม่พูดขัดจังหวะ จะก่อให้เพื่อนคุยมีความคิดว่าพวกเราเอาใจใส่ รวมทั้งต้องการที่จะเล่า แล้วก็พวกเราเองก็จะรับทราบสารสำคัญที่เขาอยากได้สื่อ ตรงกันข้าม ถ้าเกิดพวกเราถูกใจที่จะบอกแบ่งปัน และก็ฟังน้อย หรือตัดบทเวลากล่าวอื่นบอก หรือบอกสวน/ พูดขัดจังหวะ อาจจะเป็นผลให้เพื่อนคุยรู้สึกแย่ ไม่ต้องการที่จะอยากคุยด้วย ไม่ต้องการฟัง มีความรู้สึกว่าไม่ให้ความเอาใจใส่หรือให้เกียรติเขาน้อย รวมทั้งไม่ต้องการร่วมมือด้วย ถ้าหากมาอ้อนวอนจ้ะ


2. การติดต่อสื่อสารด้วยอวัจนถึงภาษา (Non-verbal communication)


สำหรับในการสื่่อสาร วักระทั่งภาษาหมายถึงคำกล่าวส่งผลเพียงแค่ 7% ที่เหลืออีก 93%เป็นอวัจนถึงภาษา ดังเช่นว่า ภาษากาย แล้วก็น้ำเสียง ส่งผลต่อการติดต่อสื่อสารถึง 55% รวมทั้ง 38% เป็นลำดับ(จากงานศึกษาเรียนรู้ของนักจิตวิทยา Albert Mehrabian)


ภาษากาย ได้แก่ การยิ้มแย้ม การจ้องตากัน ท่านั่งสบายๆบรรเทา เอนมาด้านหน้า เป็นภาษากายที่ดีสำหรับในการติดต่อสื่อสารจ้ะ ส่วนน้ำเสียงจะสะท้อนถึงความรู้สึกข้างในของผู้พูด


3. การเปิดใจ


การติดต่อสื่อสารที่ดีจะเกิดขึ้นได้นั้น พวกเราจำเป็นต้องเปิดใจที่จะยอมรับฟังมุมมองหรือความเห็นที่ต่างกันจ้ะ


4. การถามคำถาม


การถามคำถามแสดงถึงความพึงพอใจสำหรับในการฟัง และก็ช่วยสำหรับในการเช็คความรู้ความเข้าใจในเนื้อความ หรือรู้เรื่องเนื้อหาที่มากขึ้นจ้ะ


ปริศนามีหลายแบบ ตัวอย่างเช่น


ปัญหาปลายเปิด เป็นต้นว่า อะไร เช่นไร ช่วยทำให้พวกเราได้เนื้อหามากขึ้น อาทิเช่น คุณมีมุมมองยังไงกับประเด็นนี้

ปริศนาปลายปิด ยกตัวอย่างเช่น ใช่หรือเปล่า พวกเราสามารถประยุกต์ใช้สำหรับในการเช็คความถูกต้องแน่ใจของเนื้อความที่พวกเราได้ยินได้ ดังเช่น คุณปรารถนาสรุปรายงานการประชุมข้างในวันศุกร์นี้ใช่หรือไม่ใช่

5. ความเป็นเพื่อน


ความเป็นเพื่อนจะแสดงออกผ่านน้ำเสียงแล้วก็สีหน้าท่าทาง ถ้าเพื่อนคุยรู้สึกถึงความเป็นเพื่อน เขาจะเปิดใจที่จะยอมรับฟัง และก็เสนอความเห็น/ตอบอย่างจริงใจ ไม่ปกปิดจ้ะ


6. ความเชื่อมั่น


ความเชื่อมั่นและมั่นใจจะแสดงออกทางเรือเสียง ถ้าเกิดน้ำเสียงหนักแน่น มั่นอกมั่นใจ จะทำให้คนฟังเชื่อในสิ่งที่คุณบอก


7. การให้เกียรติคู่เจรจา


การให้เกียรติเพื่อนคุย ยกตัวอย่างเช่น จ้องตา ตั้งใจฟัง เลี่ยงการรับโทรศัพท์ในเวลาที่คุยกับคนอื่นๆ ไม่ทำอันอื่นไปด้วยเวลาที่เสวนา ตัวอย่างเช่น พิมพ์เนื้อความในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ฯลฯ


8. การให้ feedback


การให้ feedback ตัวอย่างเช่น การสะท้อนในสิ่งที่ดีในตัวคู่เจรจา หรือพฤติกรรมที่ดี หรือการสะท้อนเพื่อมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือการดู เป็นการสะท้อนให้เกิดกำลังใจมากขึ้นเรื่อยๆจ้ะ




ภายหลังอ่านแล้ว พวกเราบางทีอาจประเมินว่าความถนัดข้อไหนที่พวกเราทำเป็นดี และก็ข้อไหนที่พวกเราทำเป็นดีน้อยสุด ต้องการเริ่มปรับปรุงก่อน แล้วฝึกหัดที่ข้อนั้นๆก่อนจ้ะ




อำเภอก้อย หวังว่าเนื้อหานี้จะช่วยปรับปรุงให้มีการติดต่อที่ดีและก็มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น นำมาซึ่งการทำให้ดำเนินการได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้นรวมทั้งสุขสบายสำหรับในการปฏิบัติงานนะคะ

ทำอย่างไร วิธีสื่อสารกับพนักงานในองค์กร ให้มีประสิทธิภาพ

 ถ้าคุณอยากได้ผูกมิตรอันดีกับบุคลากรในหน่วยงาน ด้วยการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพที่มีผลต่ออีกทั้งความรู้สึกและก็ประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการดำเนินงานของบุคลากรด้านในหน่วยงาน ซึ่งนับเป็นหัวใจของการจัดการคนภายในหน่วยงานเพื่อความเรียบร้อยสำหรับในการทำธุรกิจ เนื้อหานี้มีคำตอบให้ท่านนะครับ


Grey Arrow

1. สร้างวัฒนธรรมที่ดีข้างในหน่วยงาน

วัฒนธรรมในที่นี้ คือ วัฒนธรรมทางการติดต่ออย่างมีอิสรภาพ มีความโล่งใส แจ่มแจ้ง สามารถสนทนาได้ทุกเรื่องราว เพื่อการติดต่อสื่อสารที่ราบสดชื่นระหว่างบุคลากรด้านในหน่วยงานที่จะนำมาซึ่งการทำให้หน่วยงานเติบโตได้ในอนาคต


2. แบ่งประเภทการติดต่อสื่อสารให้สมควร

ในหน่วยงานประกอบไปด้วยหลายส่วนแล้วก็หลายตำแหน่งร่วมกัน บางข้อมูลก็สามารถกล่าวได้เฉพาะบางตำแหน่งหรือนิดหน่อยงานแค่นั้น การหาระบบหรือสิ่งที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารสำหรับแต่ละกรุ๊ป และก็มีการจัดระบบสำหรับการส่งข่าวสารที่สมควร ก็จะสามารถช่วยให้การติดต่อสื่อสารมีคุณภาพได้มากขึ้น


3. ยอมรับฟังบุคลากร

หัวหน้าที่ดีจะต้องเปิดใจฟังเสียงของบุคลากร เนื่องจากว่าทุกความคิดเห็นหรือข้อเสนอของบุคลากรนั้นล้วนมีความจำเป็นทั้งหมด เนื่องด้วยพวกเค้าเป็นกลุ่มชนที่อยู่หน้างานจริง มองเห็นเหตุการณ์จริง มองเห็นปัญหาต่างๆหน้างานจริง และก็ทราบว่าจะปรับปรุงแก้ไขวิธีทำงานเช่นไร ซึ่งการเปิดใจฟังก็ถือว่าทำให้บุคลากรกระปรี้กระเปร่ามากมายแล้วหละขอรับ


4. จัดสัมมนาบ้างตามช่องทาง

คำว่าการสัมมนาบางทีอาจมองน่ารำคาญแม้กระนั้นการสัมมนาในบรรยากาศที่ดี รวมทั้งขณะที่สมควรเพื่อให้โอกาสให้บุคลากรร่วมแบ่งปันความนึกคิดและก็สนทนาหัวข้อต่างๆสำหรับในการปฏิบัติงาน จะช่วยทำให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก็ยังได้รับรู้ว่าบุคลากรมีความอึดอัดอะไรที่อยู่ในการทำงาน หรืออะไรควรจะปรับปรุงแก้ไขเพื่อคุณภาพสำหรับการดำเนินงานที่ดีขึ้น


5. ใช้เทคโนโลยีสำหรับในการติดต่อสื่อสาร

ในสมัยดิจิทัลที่มีความรวดเร็วก็ควรที่จะนำเอาเทคโนโลยีที่มีคุณประโยชน์ มาใช้เพื่อสำหรับในการติดต่อระหว่างคณะทำงานเพื่อความสบายรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็น Line, Trello, Microsoft Team, Zoom แล้วก็อื่นๆมองครับผม


ใช้เทคโนโลยีสำหรับเพื่อการติดต่อ (Communication via Technology)

6. ใช้การติดต่อแบบตัวต่อตัว

ครั้งคราวหัวหน้าก็จำต้องใช้การติดต่อสื่อสารแบบตัวต่อตัวกับบุคลากรเข้ามาใช้ดูบ้างครับผม เรื่องบางเรื่องไม่บางทีอาจกล่าวสำหรับในการสัมมนาก็เลยควรต้องให้ความใส่ใจกับความสนิทรวมทั้งบรรยากาศที่สนิทสนม เพื่อทำให้บุคลากรเปิดใจกล้าบอกหัวข้อต่างๆ


One-on-One Communication

7. ตอบอีเมล์ทุกคราว

เมื่อไรก็ตามที่กำเนิดปัญหาจากบุคลากรแล้วอีเมล์มาถามหัวหน้างาน ตัวหัวหน้างานเองก็จำเป็นที่จะต้องชี้แจงด้วยความอ่อนโยนให้บุคลากรรู้เรื่อง รวมทั้งเสนอกระบวนการหรือหนทางต่างๆแบบลำพองใจความไม่ไม่จบสิ้น


8. ภาษากายก็จำเป็นจะต้อง

ภาษากายก็นับว่าเป็นหนึ่งแนวทางสำหรับในการติดต่อครับผม เวลาคุณติดต่อสื่อสารกับบุคลากรไม่ว่าจะเป็นการสัมมนารวมหรือการสนทนาแบบตัวต่อตัว ภาษากายจะแสดงออกให้มีความคิดเห็นว่าคุณมีความเอาใจใส่ในหัวข้อต่างๆจริงมากมายน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง อาการ น้ำเสียง แล้วก็คุณควรจะทราบการแสดงอิริยาบถที่สมควรด้วยเช่นเดียวกันครับผม


9. ใช้คำบอกเล่าให้สมควร

คำกล่าวที่ผิดเพี้ยนชอบทำลายบรรยากาศสำหรับในการสัมมนา และก็การคุยกับบุคลากรบ่อยๆทั้งยังอาจส่งผลให้กำเนิดความเข้าใจผิดในสิ่งที่มีความต้องการจะสื่อได้อีกครับผม ด้วยเหตุดังกล่าวการจัดเตรียมสำหรับในการสัมมนาที่ดี มีการพินิจพิจารณาผู้เข้าประชุมจะช่วยทำให้จังหวะการบกพร่องนั้นลดน้อยลง แล้วก็เกิดผลดีกับบรรยากาศการสัมมนานั่นเอง


10. ร่วมยินดี

เมื่อคณะทำงานบรรลุความสำเร็จไม่ว่าจะคือเรื่องของการทำงาน หรือเรื่องเฉพาะบุคคลใดๆ ในฐานะหัวหน้างานก็ควรจะยินดีกับการบรรลุผลนั้นๆครับผม ไม่ว่าจะเป็นความเสร็จนิดหน่อยก็ตาม เนื่องจากมันมีผลต่อจิตใจรวมทั้งบรรยากาศสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานในอนาคต

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

งานที่ทำในเวลาว่างเป็นยังไง ความหมายคุณประโยชน์และก็ชนิดของงานที่ทำเวลาว่าง

 งานที่ทำในเวลาว่างเป็นยังไง ความหมายคุณประโยชน์และก็ชนิดของงานที่ทำเวลาว่าง

งานที่ทำในเวลาว่างเป็นกิจกรรมที่คนทำเนื่องจากว่าความบันเทิง ไม่ใช่สิ่งที่มีความต้องการ ทุกคนมีกิจกรรมโปรดเพื่อเติมเต็มเวลาว่างด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย นอกเหนือจากความสนุกสนานร่าเริงแล้ว ยังมีงานที่ชอบทำในเวลาว่างเยอะมากซึ่งสามารถทำเงินได้จริง


งานที่ทำเวลาว่างสามารถแปลงเป็นอาชีพสำหรับบางบุคคลได้ แต่ งานที่ทำเวลาว่างเป็นวิธีการทำสิ่งที่คุณถูกใจโดยฐานรากแล้วโดยมีหรือเปล่ามีเป้าหมายเจาะจง การทำงานอดิเรกก็มีจุดเด่นเช่นเดียวกัน! หนึ่งในนั้นเป็นการผลิตสีสันในชีวิตของคุณ


ช่วงนี้พวกเราจะเอ่ยถึงงานที่ทำในเวลาว่าง คุณประโยชน์ของงานที่ทำเวลาว่าง และก็ชนิดของงานว่างที่คุณสามารถทำเป็น ทดลองอ่านเนื้อหานี้สำหรับคำชี้แจงที่เสริมความชำนาญพวกเราเพิ่มขึ้น!


งานที่ทำเวลาว่างเป็นอย่างไร?

ความหมายของคำว่า “งานที่ชอบทำในเวลาว่าง” เป็นกิจกรรมพิเศษหรือความสนุกสนานที่ทำหรือทำในเวลาว่างไม่ใช่เป็นหน้าที่หลัก งานที่ทำในเวลาว่างเป็นกิจกรรมที่รื้นเริงที่ทำในเวลาว่างเพื่อทำให้จิตใจสงบรวมทั้งเพิ่มอารมณ์ในชีวิต


ทุกคนจะมีงานที่ทำเวลาว่างนานับประการตามท่าทางและก็ความพอใจส่วนตัวในบางสิ่งบางอย่าง ถึงแม้ว่างานที่ทำในเวลาว่างจะไม่ใช่งานประจำอย่างแท้จริง แม้กระนั้นหลายๆคนดำเนินการอดิเรกให้เปลี่ยนเป็นแหล่งรายได้หลักได้ อย่างเช่น ผู้ที่มีงานที่ชอบทำในเวลาว่างเกี่ยวกับดนตรี แล้วก็ติดตามฝันอย่างเอาจริงเอาจัง รวมทั้งเมื่อดนตรีของพวกเขาเป็นที่ยอมรับในสังคมในวงกว้างก็เปลี่ยนเป็นรายได้หลักขึ้นมาได้ เมื่อเวลาผ่านไป งานที่ชอบทำในเวลาว่างของพวกเขาแปลงเป็นอาชีพซึ่งสามารถทำเงินได้ ก็เลยมีภาษิตที่พูดว่างานที่เหมาะสมที่สุดเป็นงานที่ทำเวลาว่างที่ได้รับเงินเดือน


การพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสังคมได้แปลงเป็นหนึ่งในแนวทางที่ผู้คนหาผลประโยชน์และก็สร้างรายได้โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ งานที่ชอบทำในเวลาว่างมิได้เป็นเพียงแค่ประเภทของกิจกรรมที่ใช้เวลาว่าง มันยังสามารถนำคุณประโยชน์อื่นๆนอกจากความบันเทิงของกระบวนการทำสิ่งนั้นๆได้ด้วย


แล้วคุณประโยชน์ซึ่งมาจากงานว่างล่ะ?

นอกเหนือจากการที่จะทำให้จิตใจมีชีวิตชีวาแล้วก็ระงับความเครียดแล้ว งานที่ชอบทำในเวลาว่างยังมีคุณประโยชน์เยอะมาก


การทำงานอดิเรกเป็นบางครั้งในช่วงชีวิตที่วุ่นวายจะมีผลดีต่อร่างกายของคุณ ตั้งแต่นี้ต่อไปมีคุณประโยชน์บางประการที่คุณจะได้รับจากงานว่าง


1. ใช้เวลาพักจากชีวิตประจำวันของคุณ

ทำกิจกรรมที่ถูกใจท่ามกลางความอลหม่าน เป็นการแสดงถึงการรักตนเอง การทำงานอดิเรก คุณจะมีเวลาพักจากงานยุ่งๆรวมทั้งกิจวัตรประจำวันที่น่ารำคาญ ยิ่งไปกว่านี้ ด้วยงานที่ชอบทำในเวลาว่าง คุณสามารถเพิ่มเติมพลังงานแล้วก็สิ่งจูงใจของคุณเพื่อหลบหลีกความตึงเครียด


2. เพิ่มความกระตือรือร้นและก็พลังบวก

งานว่างสามารถกระตุ้นความกระตือรือร้นของคุณสำหรับในการดำเนินชีวิตอย่างสุขสบายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านี้ งานที่ทำในเวลาว่างยังสร้างความท้าซึ่งสามารถกระตุ้นฮอร์โมนและก็พลังงานบวกในตัวเรา การทำงานอดิเรก คุณจะมีจิตวิญญาณที่จะเติบโตแล้วก็เตรียมตัวมากยิ่งขึ้นสำหรับการประสบเจอกับปัญหาในชีวิต


3. ปรับปรุงความสามารถทางด้านสังคมของคุณ

คุณประโยชน์ถัดไปของงานที่ทำเวลาว่างที่คุณจะได้รับเป็นจะก่อให้คุณกับคนได้รวมทั้งติดต่อกับผู้คนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีงานว่างเช่นกัน เสวนาเกี่ยวกับงานที่ชอบทำในเวลาว่างชอบเป็นหัวข้อบันเทิงใจที่จะสนทนา นอกเหนือจากนั้น การเข้าสังคมกับผู้คนผ่านงานที่ทำเวลาว่างยังช่วยผ่อนคลายความเครียดแล้วก็ทำให้ท่านค้นหาความหมายในชีวิตได้อย่างสุขสบาย คุณสามารถเริ่มด้วยการต่อว่าดตามบล็อกของงานว่างโดยยิ่งไปกว่านั้นต่างๆเพื่อคุณสามารถแบ่งปันแล้วก็รื้นเริงด้วยกันกับการทำงานอดิเรก


4.คุ้มครองความอ่อนแรงล้าหรือความน่าเบื่อ

การอ่อนล้ากับงานประจำแล้วก็กิจวัตรที่ทำเป็นประจำกับปัญหาจะมีผลให้คนรู้สึกหมดไฟหรืออ่อนแรง การทำงานอดิเรกสามารถลดการเสี่ยงของความเคร่งเครียดทันควันและก็ภาวการณ์ไม่มีชีวิตชีวาเพราะเหตุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับการงานรวมทั้งชีวิตล้นหลาม งานที่ทำในเวลาว่างยังสามารถปล่อยสุขภาพจากความอ่อนแรงล้าทางจิตได้ไพเราะเพราะพริ้งการทำงานอดิเรกเป็นงานที่ชอบทำในเวลาว่างที่ทำเป็นอย่างอิสระโดยไม่บีบคั้น


5.ฟื้นฟูจิตใจและก็เพิ่มแรงผลักดัน

แม้คุณทราบสึเครียด บีบคั้นรวมทั้งหมดไอเดีย แนวทางแก้ไขแนวทางหนึ่งเป็นการหยุดพักโดยทำสิ่งที่คุณถูกใจ งานที่ทำในเวลาว่างสามารถฟื้นฟูจิตใจของคุณรวมทั้งทำให้ท่านสงบลงได้ ฉะนั้น คุณก็เลยสามารถคิดได้อย่างยืดหยุ่น ประดิษฐ์แล้วก็กระตุ้นแรงดลใจที่ไม่ธรรมดาให้เกิดขึ้นได้


ชนิดของงานที่ทำในเวลาว่างที่คุณทำเป็น

ถ้าหากคุณยังไม่มีงานที่ทำในเวลาว่างหรือเปล่าทราบดีว่าคุณคลั่งไคล้เกี่ยวกับอะไร คุณสามารถเริ่มมองหาและก็คิดเกี่ยวกับมันได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มีงานที่ทำในเวลาว่างเยอะแยะที่คุณสามารถทำเป็นเพื่อใช้เวลาว่างหรือเพื่อความสนุก นี่เป็นงานที่ชอบทำในเวลาว่างบางชนิดที่คุณสามารถทำเป็น


สะสมของ

งานที่ทำเวลาว่างนี้เกี่ยวพันกับกิจกรรมสะสมผลิตภัณฑ์ ข้าวของ หรือข้าวของที่ถูกใจ งานว่างนี้สร้างค่าทางจิตในแต่ละคน อย่างไรก็ดี ในงานที่ชอบทำในเวลาว่างนี้ คุณอาจจำเป็นต้อง


เตรียมการที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับคอลเลกชัน ข้าวของต่างๆของคุณ


ข้าวของที่สะสมยังต่างๆนาๆขึ้นกับสิ่งที่แต่ละคนถูกใจ ได้แก่ การรวบรวมรองเท้า กระเป๋า ของเด็กเล่น เครื่องเพชรพลอย ซีดีเพลง วัสดุอุปกรณ์การแต่งหน้าทาปาก เสื้อผ้า และก็กระทั่งการสั่งสมยานพาหนะ สำหรับการเก็บสะสมของบางสิ่ง แน่ๆว่าจำเป็นต้องขึ้นกับความรู้ความเข้าใจของคุณ อย่าทำให้งานที่ทำในเวลาว่างสะสมของที่ทำเพื่อความสำราญเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ทำให้เครียดนะ


ประดิษฐ์อะไรบางอย่าง

งานที่ชอบทำในเวลาว่างของการผลิตสรรค์ชอบเกี่ยวพันกับการปรุงอาหารหรือสร้างสิ่งซึ่งสามารถสัมผัสได้ คนจำนวนไม่น้อยมีงานที่ทำเวลาว่างทำบางอย่างซึ่งสามารถสร้างอาชีพทำเงินได้ เช่น คนที่มีงานที่ชอบทำในเวลาว่างสำหรับเพื่อการทำกับข้าวหรือปฏิบัติงานความสามารถแล้วก็วาดรูป ผลของการปรุงอาหาร งานหัตถกรรม รวมทั้งงานศิลปะสามารถขายรวมทั้งทำเงินได้แม้เป็นที่ยอมรับและก็ยกย่องจากสังคม


ต่อจากนั้นคนที่มีงานว่างทำหัตถกรรมและก็งานศิลปะชอบจัดนิทรรศการเพื่อแสดงผลลัพธ์งานชิ้นยอดเยี่ยมของพวกเขา สิ่งนี้สามารถสร้างความชอบใจให้แก่ตัวเอง รวมทั้งเมื่อหลายท่านสามารถเพลิดเพลินใจกับงานว่างที่พวกเขาทำ โน่นทำให้เดี๋ยวนี้คนจำนวนไม่น้อยมีงานที่ชอบทำในเวลาว่างสำหรับการทำกับข้าว นอกเหนือจากการขายของกิน วิธีการทำสูตรของกิน หรือวิดีโอสอนทำกับข้าวบนโซเชียลเน็ตเวิร์คมากมายก่ายกอง


เล่นอะไรบางอย่าง

งานที่ทำในเวลาว่างนี้เกี่ยวพันกับการเล่นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีแล้วก็เกม อีกทั้งแบบเริ่มแรกรวมทั้งแบบใหม่ๆในงานที่ทำในเวลาว่างนี้ คุณจะได้ทำความเข้าใจของใหม่ๆและก็ความท้าที่สนุกมาก อาทิเช่น เล่นกีตาร์หรือเล่นเกมคอนโซล นอกเหนือจากการที่จะบันเทิงใจแล้ว งานที่ชอบทำในเวลาว่างนี้ยังช่วยกระตุ้นความสร้างสรรค์สำหรับเพื่อการคิดรวมทั้งฝึกหัดความถนัดการเคลื่อนไหว ตลอดจนการแข่งขันชิงชัยที่ดีต่อร่างกาย นอกเหนือจากนี้ การเล่นเกมออนไลน์ได้แปลงเป็นหนึ่งในกีฬา (e-sports) ที่มีการแข่งมากไม่น้อยเลยทีเดียวและก็สามารถหารายได้ได้


ยิ่งกว่านั้น การมีงานที่ทำในเวลาว่างเล่นดนตรีสามารถทำให้คนที่ใครๆก็รู้จักและก็ทำเงินได้ถ้าหากขมักเขม้นปฏิบัติงานอดิเรกอย่างเอาจริงเอาจัง


งานที่ชอบทำในเวลาว่างอื่นๆ

งานที่ทำในเวลาว่างต้นแบบอื่นๆเป็นงานที่ทำเวลาว่างที่ไม่เกี่ยวกับการสั่งสม วิธีการทำสิ่งต่างๆหรือการเล่นบางสิ่งบางอย่าง งานที่ทำเวลาว่างนี้ชอบทำเพื่อความบันเทิง ดังเช่น ฟังเพลง เล่นโซเชียล ถ่ายภาพ ดูหนัง บริหารร่างกาย ช็อปปิ้ง ฯลฯ อย่างไรก็ดี งานที่ชอบทำในเวลาว่างพวกนี้ยังสามารถสร้างรายได้ อาทิเช่น งานที่ทำในเวลาว่างถ่ายภาพ ปัจจุบันนี้การถ่ายรูปมักถูกใช้เป็นอาชีพได้เลย บุคคลที่มีความถนัดการถ่ายรูปที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลสามารถขายบริการหรือสร้างรายได้ในราคาที่ออกจะสูงด้วยเหมือนกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง 

การติดต่อสื่อสาร

การติดต่อสื่อสาร ภาษาอังกฤษ

การ ต้อนรับ เป็น กิจกรรม เกี่ยว กับ การ ติดต่อ สื่อสาร อัน ประกอบด้วย

ข้อดี ของ การ ติดต่อ สื่อสาร ที่ เป็น ทางการ

วิธีการเตรียม ประโยค สนทนา ในการติดต่อ สื่อสาร
ลักษณะของการสื่อสาร

4 วิธีพัฒนาการสื่อสารในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ

ในโลกที่สมัยข่าวสารอย่างปัจจุบัน การติดต่อสื่อสารถือได้ว่าสิ่งที่จำเป็นมากมายๆเนื่องจากว่าถ้าหากมีต้นสายปลายเหตุใดต้นสายปลายเหตุหนึ่งที่ขวางการติดต่อสื่อสารอย่างมีคุณภาพ ก็จะก่อให้การติดต่อสื่อสารนั้นไม่ประสบความสำเร็จ แน่ๆว่าในหน่วยงานหรือที่ทำงาน การติดต่อสื่อสารก็นับว่ามีความหมายไม่น้อย ด้วยเหตุว่าการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพจะช่วยสนับสนุนให้กำเนิดประสิทธิภาพสำหรับการดำเนินการ รวมทั้งยังมีผลต่อผลที่ได้จากการทำงานอีกด้วย


ในเนื้อหานี้ GreatDay HR จะขอมาชี้แจงถึงการติดต่อสื่อสารในหน่วยงานที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยทำให้คนทำงานสามารถใช้วัสดุที่มีคุณภาพนี้สร้างผลดีสูงสุดให้กับทั้งคนในหน่วยงาน การจัดการงาน รวมทั้งช่วยสร้างเสริมผลสรุปของการทำงานให้ออกมามีคุณภาพ


ความหมายของการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน

การติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน (Communication in The Organization )หมายถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลในหน่วยงานเพื่อเปลี่ยนข่าวสาร ให้ความรู้ความเข้าใจ และก็อัปเดตเรื่องราวในหัวข้อประเด็นต่างๆด้านในหน่วยงาน


การติดต่อสื่อสารนับว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับทุกๆหน่วยงาน ไม่ว่าการติดต่อสื่อสารนั้นๆจะมีเป้าประสงค์เพื่อแก้ไขลักษณะการทำงานของบุคลากร อัปเดตเกี่ยวกับแนวทางใหม่ของทางหน่วยงาน เพื่อจัดเตรียมต่อกรกับปัญหารวมทั้งปัญหาในด้านต่างๆหรือเพื่อฟังทัศนคติของบุคลากรในหน่วยงานเอง การติดต่อสื่อสารที่มีความสามารถเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเพื่อการจัดแจงที่มีคุณภาพ เพื่อการติดต่อสื่อสารบรรลุเป้าหมาย หน่วยงานต้องมีแนวนโยบายแล้วก็อุบายที่ครอบคลุม เพื่อสารที่ต้องการจะสื่อส่งถึงคนรับโดยไม่บิดเบือนใจความสำคัญรวมทั้งเป้าประสงค์สำหรับในการติดต่อสื่อสารนั้นออกไป


ลักษณะและก็จุดสำคัญของการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน

ถ้าเอ๋ยถึงการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล ระหว่างหน่วยงานในหน่วยงาน แล้วก็ระหว่างหน่วยงาน


การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล เป็นการติดต่อระหว่างบุคลากรต่อบุคลากร หรือหัวหน้าต่อลูกน้อง

การติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานในหน่วยงาน เป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างแผนกหนึ่งสู่อีกแผนกหนึ่งในหน่วยงาน

การติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงาน เป็นการติดต่อที่หน่วยงานหนึ่งมีต่อองค์กรอื่นๆ

จุดสำคัญของการติดต่อสื่อสารในหน่วยงานนั้นไม่ใช่เพียงแค่การส่งข่าวสารออกไปให้ถึงมือคนรับเพียงอย่างเดียว แต่ว่ายังจำต้องพิจารณาถึงสมรรถนะ ความแจ่มแจ้ง แล้วก็เป้าหมายสำหรับในการติดต่อด้วย จุดสำคัญของการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน มีดังนี้


ช่วยสนับสนุนแรงกระตุ้นแก่บุคลากร ทั้งยังในเรื่องของหน้าที่หน้าที่ การทำงาน แล้วก็การฝึกอบรมต่างๆ

เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับบุคลากรในหน่วยงาน อีกทั้งในเรื่องของขั้นตอนการตกลงใจในประเด็นต่างๆรวมถึงการระดมความคิดความสามารถ ระดมความคิดเห็น หรือเพื่อขอความเห็นชอบ ฯลฯ

มีหน้าที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของบุคลากรในหน่วยงาน เพื่อบุคลากรในหน่วยงานมีทัศนคติเป็นไปในแนวทางเดียวกับหน่วยงาน

ช่วยควบคุมความประพฤติปฏิบัติของบุคลากรในหน่วยงานในลักษณะต่างๆเพื่อบุคลากรกระทำตามแผนการของหน่วยงาน แล้วก็ดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพ

เทคโนโลยีแล้วก็การติดต่อสื่อสารในหน่วยงานที่มีคุณภาพ

ปัจจุบันนี้พวกเราอยู่ในสมัยข่าวสารที่เทคโนโลยีสามารถเสกได้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย หรือแม้กระทั้งระบบต่างๆซึ่งสามารถประยุกต์ใช้เพื่อการติดต่อสื่อสารได้อย่างมีคุณภาพ นั่นหมายความว่าเป็นจุดเด่นเนื่องจากว่าเทคโนโลยีสามารถสร้างกระบวนการสื่อสารที่ทรงอำนาจ โดยเทคโนโลยีที่ถูกประยุกต์ใช้อย่างล้นหลามสำหรับในการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน มีดังนี้


การติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์ เป็นแนวทางที่ง่าย สบาย รวมทั้งเร็ว ก็เลยช่วยทำให้ย่นระยะเวลาสำหรับในการติดต่อและทำการสื่อสารกันในหน่วยงาน แม้กระนั้นจุดอ่อนเป็นมีค่าใช้จ่ายสำหรับเพื่อการโทร

การติดต่อสื่อสารผ่านอีเมล เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยทำให้การติดต่อกันข้างในหน่วยงานเป็นเรื่องที่ไม่ยากแล้วก็สะดวก ทั้งยังสามารถใช้งานได้ฟรี แต่ว่ามีข้อเสียตรงที่พวกเราจำต้องคอยให้คนรับอีเมลเปิดอ่าน ซึ่งไม่อาจจะเดาได้ว่าจะเป็นเมื่อไร

การสัมมนาระยะไกลด้วย Video Call เป็นการติดต่อยอดนิยมอย่างใหญ่โตในสมัย

วัววิด-19 มีจุดเด่นอยู่ตรงซึ่งสามารถมองเห็นหน้าและก็แชร์จอเพื่อนำเสนอหรือสัมมนางานได้ มีอีกทั้งแบบใช้งานฟรีรวมทั้งจะต้องชำระเงินเพื่อใช้บริการ


กระบวนการสื่อสารในหน่วยงานที่มีคุณภาพ

การช่วยส่งเสริมการติดต่อสื่อสารในหน่วยงานฟังมองบางทีอาจไม่ได้ง่าย เนื่องจากในหน่วยงานชอบมีแผนสำหรับการกต่างๆรวมถึงมีบุคลากรหลากหลาย สำหรับคนใดกันที่มีบทบาทเกี่ยวโยงกับการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน สามารถนำแนวทางรวมทั้งวิธีการกลุ่มนี้ไปประยุกต์เพื่อการติดต่อสื่อสารในหน่วยงานที่มีคุณภาพ


1. ใช้เครื่องไม้เครื่องมือการติดต่อสื่อสารที่ถูก

ก่อนจะติดต่อสื่อสารกันในหน่วยงานได้ทางหน่วยงานจำต้องหาเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารให้กับบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มการส่งข้อความตอบโต้แบบในทันที โทรศัพท์ อีเมล หรือแม้กระทั้งแอปพลิเคชันส่งข้อความต่างๆซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงผู้คนข้างในหน่วยงานได้ง่าย


2. เปิดใจยอมรับฟังและก็ติดต่ออย่างโปร่งใส

ความโปร่งสบายใสนับว่าเป็นหลักการที่เหมาะสมที่สุดแล้วก็เป็นกฎที่สำคัญที่สุดของการติดต่อสื่อสารในหน่วยงานที่มีคุณภาพ ไม่ว่าสารที่ต้องการจะสื่อนั้นจะเป็นข่าวดีหรือข่าวไม่ดีแค่ไหนก็ตาม นอกนั้น การเปิดใจยอมรับฟังข้อคิดเห็นของบุคลากรในหน่วยงานก็เป็นอีกหนึ่งยุทธวิธีการติดต่อสื่อสารที่ฟังเสียงของทุกๆคนในหน่วยงาน เพื่อการนำมาปรับปรุงแก้ไขหน่วยงานให้ดีเลิศเพิ่มขึ้น


3. เกื้อหนุนให้บุคลากรในหน่วยงานแบ่งปันข้อแนะนำ

อย่างที่ได้บอกไปในข้อข้างต้นแล้วว่าการเปิดใจยอมรับฟังจะก่อให้หน่วยงานได้ยินข้อแนะนำที่มีค่าจากบุคลากรในหน่วยงาน ชี้แนะให้เกื้อหนุนการแบ่งปันคำแนะนำของบุคลากรในหน่วยงาน เพื่อสามารถนำหัวข้อต่างๆจากบุคลากรมาปรับปรุง ต่อยอด หรือปรับแต่งเพื่อหน่วยงานเติบโตและก็รุ่งเรืองขึ้นอย่างมีคุณภาพ


4. กระจัดกระจายการติดต่อสื่อสารตามวิถีทางต่างๆ

หลายๆครั้ง การติดต่อสื่อสารในหน่วยงานไม่มีความจำเป็นต้องนัดหมายสัมมนาเจอหน้ากัน นัดหมายสัมมนาออนไลน์ หรือแม้กระทั้งโทรผ่านโทรศัพท์ เพราะว่าบางประเด็นสามารถติดต่อและทำการสื่อสารในหน่วยงานผ่านอีเมลหรือเนื้อความได้


การติดต่อสื่อสารในหน่วยงานต้องมีคนานัปการวิถีทาง รวมทั้งการเลือกช่องทางสำหรับการติดต่อสื่อสารที่เหมาะสมกับข้อความสำคัญแล้วก็รายละเอียดที่ต้องการจะสื่อ จะช่วยทำให้ทั้งยังทุ่นเวลา อดออมเงินลงทุน รวมถึงสามารถส่งข่าวสารไปยังผู้รับสารได้อย่างมีคุณภาพ


สรุป ติดต่อสื่อสารในหน่วยงานที่มีคุณภาพ จำเป็นต้องทำอย่างไร

การติดต่อสื่อสารจึงควรอาศัย 3 ต้นสายปลายเหตุเป็นผู้ส่งสาร สาร แล้วก็ผู้รับสาร แม้กระนั้นยังมีต้นเหตุยิบย่อยอีกเยอะมากที่ทำให้เกิดผลเสียต่อการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน ถ้าเกิดหน่วยงานเตรียมมาอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้อูปกรณ์ที่มีไว้สำหรับการติดต่อสื่อสารที่สมควร ผู้กระทำระจายการสื่อสารตามหนทางต่างๆหรือแม้กระทั้งการเปิดใจยอมรับฟังรวมทั้งติดต่อสื่อสารอย่างโปร่งใสต่อพนังาน ก็สามารถที่จะช่วยให้การติดต่อสื่อสารนั้นส่งออกไปอย่างมีคุณภาพ


รวมทั้งสำหรับงานด้านทรัพยากรมนุษย์ GreatDay HR ก็มีตัวช่วยดีๆที่ช่วยย่นเวลาสำหรับเพื่อการดำเนินงาน ด้วยระบบ HR ครบวงจร ทั้งยังการคำนวณค่าจ้างรายเดือน การบันทึกเวลาเข้าออกบุคลากร หรือแม้กระทั้งระบบคัดเลือก ที่สามารถจะช่วยให้การปฏิบัติงานนั้นง่าย สบาย รวมทั้งรวดเร็วทันใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ


Tags : กระบวนการสื่อสารในหน่วยงาน ทำเช่นไรให้ติดต่อได้ดิบได้ดี


บทความที่เกี่ยวข้อง

การติดต่อสื่อสาร

การติดต่อสื่อสาร ภาษาอังกฤษ

การ ต้อนรับ เป็น กิจกรรม เกี่ยว กับ การ ติดต่อ สื่อสาร อัน ประกอบด้วย

ข้อดี ของ การ ติดต่อ สื่อสาร ที่ เป็น ทางการ

วิธีการเตรียม ประโยค สนทนา ในการติดต่อ สื่อสาร
ลักษณะของการสื่อสาร

การติดต่อสื่อการในองค์กรณ์

1. การติดต่อสื่อสารแบบบนลงข้างล่าง (Downward Communication)

เป็นการติดต่อสื่อสารจากต่ำแหน่งที่สูงกว่าลงมาตำแหน่งที่ต่ำกว่าเป็นต้นว่า แผนการ/วัตถุประสงค์หน่วยงาน,กฎข้อบังคับ,

การให้ข้อมูล ป้อนกลับเกี่ยวกับการกระทำงาน

จุดประสงค์ เพื่อบุคลากรรับรู้และก็ทำตาม


2 การติดต่อสื่อสารแบบข้างล่างขึ้นบน (Upward Communication)

เป็นการติดต่อสื่อสารจากผู้ใต้บังคับบัญชาไปยังหัวหน้า ยกตัวอย่างเช่น ความคิดเห็น,คำแนะนำ,คำเรียกร้องจากบุคลากร

เป้าประสงค์ เป็นให้โอกาสให้บุคลากรได้ให้ความคิดเห็น มีส่วนร่วมและก็กำเนิดความสัมพันธ์กับหน่วยงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


3. การติดต่อสื่อสารในแนวยาว (Later or Horizontal Communication)

เป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างเพื่อร่วมงานในหน่วยงานคนเดียวกัน

เป้าประสงค์ เพื่อผสานการทำงาน ให้ข้อมูลการทำงานแล้วก็เชื่อมความข้องเกี่ยวอันดี


4.การติดต่อสื่อสารผ่านสายงาน

เป็นการติดต่อระหว่างบุคคลที่อยู่คนละหน่วยงาน หรือระหว่างหน่วยงาน อย่างเช่น ข้อมูลเพื่อใช้สำหรับเพื่อการดำเนินการ,

ความเห็น,การแลกเปลี่ยนวิชาความรู้

จุดประสงค์ เพื่อผสานการกระทำงานด้วยกันแล้วก็ผสานความข้องเกี่ยว อันดีระหว่างหน่วยงาน



เกร็ดความรู้กับธรรมนิติ : แนวทางการติดต่อสื่อสารในหน่วยงาน


บทความที่เกี่ยวข้อง

การติดต่อสื่อสาร

การติดต่อสื่อสาร ภาษาอังกฤษ

การ ต้อนรับ เป็น กิจกรรม เกี่ยว กับ การ ติดต่อ สื่อสาร อัน ประกอบด้วย

ข้อดี ของ การ ติดต่อ สื่อสาร ที่ เป็น ทางการ

วิธีการเตรียม ประโยค สนทนา ในการติดต่อ สื่อสาร
ลักษณะของการสื่อสาร

ทักษะในการติดต่อสื่อสาร


ความชำนาญสำหรับในการติดต่อและทำการสื่อสาร

ความสามารถสำหรับการติดต่อและทำการสื่อสาร

ชีวิตคือเรื่องของการเรียนและก็สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญรวมทั้งควรจะมีการเล่าเรียนเป็น ความเกี่ยวข้อง หรือ มนุษยสัมพันธ์ เพราะเหตุว่าทุกๆอย่างในโลกนี้มักเป็นบทเรียนของกันและกัน หากไม่ใส่ใจศึกษา ซึ่งกันและกันก็จะอยู่ในโลกนี้ด้วยความยากแค้น เนื่องจากว่าชีวิตจะมีคุณค่าและก็รู้สึกสุขสบายเมื่อได้ แสดงออกอย่างที่รู้สึกได้โอกาสทำความเข้าใจเรื่องราวแล้วก็ของใหม่ๆดังที่พวกเราอยาก

ฉะนั้นการบรรลุผลของผู้คนสำหรับการดำเนินชีวิตทั่วๆไป ก็เลยมักมีกฎเกณฑ์ไว้อย่างกว้างๆว่าพวกเราจึงควรกับผู้ที่พวกเราติดต่อด้วยให้ได้ รวมทั้งจะต้องเข้าให้เจริญ ด้วยการศึกษาที่จะผูกมิตรด้วยกัน โดยอาศัยกรรมวิธีติดต่อและทำการสื่อสารรวมทั้งหลักจิตวิทยาความเกี่ยวพันระหว่างมนุษย์โดยปกติมัก ถูกเห็นว่าคือเรื่องของศิลป์ (Arts) มากยิ่งกว่าศาสตร์ (Science) นั่นหมายความว่า การเรียนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของบุคคลแต่อย่างเดียวโดยขาดศาสตร์ของการติดต่อสื่อสารย่อมขาดศิลป์สำหรับในการนำไปประยุกต์ในชีวิตจริงให้ไปถึงเป้าหมายได้


ความหมายรวมทั้งหน้าที่ของการติดต่อสื่อสาร


นักวิชาการได้ชี้แจงความหมายของการติดต่อสื่อสารเอาไว้ในลักษณะเดียวกัน ดังจะยกตัวอย่างตั้งแต่นี้ต่อไป

แมคเดวิด และก็ ฮารารี (McDavid & Herbert Harari, 1974 : 128) ให้คำจำกัดความว่า การติดต่อสื่อสารในทางจิตวิทยา คือ การแลกเปลี่ยนความนึกคิดรวมทั้งประสบการณ์ระหว่างบุคคล

เชอร์เมอร์ฮอร์น แล้วก็แผนก (Schermerhorn, et al., 2003 : 337) ชี้แจงว่า การติดต่อสื่อสารเป็นแนวทางการส่งแล้วก็รับข่าวสารเพื่อกำเนิดความรู้ความเข้าใจความหมายที่ตรงกัน

รอบบินส์ (Robbins, 2001 : 284) ได้ชี้แจงว่า การติดต่อสื่อสารที่ดีต้องมีการถ่ายทอด ความหมายจากผู้ส่งไปยังคนรับ ซึ่งคนรับจะเข้าประเด็นหลักหมายนั้นได้ ความนึกคิดต่างๆจะไร้ค่าจนกระทั่งขั้นต่ำได้ถ่ายทอดและก็ทำให้คนอื่นรู้เรื่อง การติดต่อสื่อสารมีความสมบูรณ์ หากความนึกคิดถูกถ่ายทอดจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารกำเนิดภาพในใจ เหมือนกันกับผู้ส่งสาร อย่างไรก็ดี ส่วนประกอบทางด้านทฤษฎีความสมบูรณ์ของการติดต่อสื่อสารไม่เคยเสร็จในทางปฏิบัติด้วยเหตุผลหลายประเภทซึ่งจะอภิปรายถัดไป

จากความหมายของการติดต่อสื่อสารดังได้ยกตัวอย่างมานี้ สรุปแนวความคิดของนักวิชาการมุ่ง ชี้แจงว่า การติดต่อสื่อสารเป็นกรรมวิธีส่งแล้วก็รับข้อมูลสารสนเทศ ความนึกคิดรวมทั้ง ประสบการณ์ระหว่างผู้ติดต่อกับผู้รับสารเพื่อกำเนิดความรู้ความเข้าใจตรงกัน ซึ่งในขณะนี้การติดต่อสื่อสารในหน่วยงานสามารถทำเป็นหลายแบบอย่างแล้วก็ในตอนนี้ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้สำหรับติดต่อสื่อสารมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อสื่อสารทางอิเลคทรอนิกส์ผ่านโครงข่าย คอมพิวเตอร์ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีคุณภาพแล้วก็ประสิทธิผลสูง


หน้าที่ของการติดต่อสื่อสาร


การติดต่อสื่อสารจะเกี่ยวพันกับวิธีการบริหารทุกขั้นตอน ทำให้ประธานสามารถจัดการตามหน้าที่ความรับผิดชอบให้สำเร็จตามเป้าหมาย นับจากจะต้องใช้ข่าวสารสำหรับในการคิดแผน การติดต่อสื่อสารแผนงานไปยังผู้ปฏิบัติการให้รู้เรื่อง การจัดหน่วยงานก็อยากการ ติดต่อและทำการสื่อสารสำหรับในการมอบหมายงาน ควรจะมีการติดต่อสื่อสารเพื่อออกคำสั่งรวมทั้งติดต่อประสานงานให้ ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุวัตถุประสงค์ในหัวข้อนี้ บิตเติล (2539 : 174) ได้เสนอแนวความคิดว่า ประธานจำเป็นจะต้องสามารถใช้ภาษาพูด รวมทั้งภาษาสุภาพได้อย่างแม่นยำ กระจ่างแจ้ง เข้าใจง่าย เพื่อการถ่ายทอดข่าวคำบัญชารวมทั้งทางปฏิบัติไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไม่ บกพร่องพร้อมกับใช้ขั้นตอนสื่อสารสำหรับการควบคุมงาน การติดต่อสื่อสารก็เลยมีหน้าที่สำคัญที่ช่วยทำให้การจัดการมีประสิทธิผลเวลาจำนวนมากของประธานก็เลยใช้ในกิจกรรมการติดต่อสื่อสาร

การติดต่อสื่อสารเป็นสาระสำคัญของหน้าที่ของประธาน ซึ่งประธานมีความสำคัญควรจะมีหน้าที่ที่สำคัญ 3 ประการ หมายถึงความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การติดต่อสื่อสาร แล้วก็การตัดสินใจ หน้าที่ด้านสารสนเทศ (Informational role) ประธานบางครั้งอาจจะจำต้องค้นหาข่าวสารจากเพื่อนพ้อง ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชารวมทั้งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ เป็นผู้เผยแพร่ข่าวสารต่างๆแก่คนอื่นๆ เกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีผลพวงต่องานและก็ความรับผิดชอบของพวกเขา ในเวลาเดียวกันคนกลุ่มนี้ ก็จะเป็นหัวหน้าข่าวสารไปเผยแพร่ติดต่อและทำการสื่อสารกับคนอื่นถัดไปอีก หรือบางทีอาจเป็นผู้โฆษณาภาพพจน์หน่วยงานต่อสังคมข้างนอกด้วยในขณะเดียวกัน

รอบบินส์ (Robbins, 2001 : 284-285) ได้ชี้แจงถึงหน้าที่ของการติดต่อสื่อสารว่าการติดต่อปฏิบัติหน้าที่หลักสำคัญในกรุ๊ปหรือหน่วยงาน 4 ประการ หมายถึง

1. การควบคุม การติดต่อสื่อสารในหน่วยงานของหัวหน้าและก็ผู้ใต้บังคับบัญชาจะอยู่ในรูปของการบังคับบัญชาการทำงาน การตำหนิดตามงาน รวมทั้งการวัดผลการทำงานเพื่อได้งานที่มีประสิทธิผล

2. การชักชวน หัวหน้าสามารถดึงดูดใจผู้ใต้บังคับบัญชาโดยการบอกถึงความเจริญก้าวหน้าสำหรับเพื่อการดำเนินการของผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีคุณภาพ ดังเช่น การเลื่อนตำแหน่ง การขึ้นค่าแรง ฯลฯ หรือ การใช้คำกล่าวเพื่อเสริมแรงบวก อย่างเช่น การสรรเสริญ ฯลฯ

3. การแสดงออกทางอารมณ์ การติดต่อสื่อสารสามารถที่สามารถจะช่วยลดความขุ่นเคืองทางด้านอารมณ์โดยการคุยกับคนอื่นๆ

4. การให้ข้อมูล การติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆนั้นทำให้หน่วยงานได้รับรู้ข้อมูลต่างๆสิ่งที่จำเป็นของลูกค้าหรือข้อมูลของผู้แข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งมีคุณประโยชน์เพื่อนำมาตกลงใจสำหรับการระบุยุทธวิธีต่างๆของหน่วยงาน

อย่างไรก็แล้วแต่ไม่บางทีอาจบ่งชัดลงไปว่าหน้าที่ข้อไหนสำคัญมากกว่ากัน กรุ๊ปที่มีประสิทธิผล ปรารถนาการควบคุมสมาชิก จำเป็นต้องดึงดูดใจสมาชิกให้ดำเนินงาน จำเป็นต้องจัดให้มีการแสดงออกทางอารมณ์และก็จำเป็นต้องกระทำการตกลงใจเลือกโอกาสที่ยอดเยี่ยมจากข้อมูลที่พอเพียง การติดต่อสื่อสารก็เลยจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจหลักสำคัญในกรุ๊ปหรือหน่วยงานอีกทั้งสี่ประการดังที่ได้กล่าวมาแล้วมาแล้ว


เป้าประสงค์ของการติดต่อสื่อสาร

เมื่อพวกเราได้รู้ถึงความหมายจุดสำคัญและก็รูปแบบของการติดต่อสื่อสารแล้ว สิ่งหนึ่งที่พวกเราควรรู้รวมทั้งรู้เรื่องถัดไปก็คือจุดมุ่งหมายของการติดต่อสื่อสาร

โดยธรรมดาพวกเราพอเพียงจะสรุปได้ว่า ผู้ส่งสารและก็ผู้รับสารมีจุดหมายที่แสดงสิ่งที่จำเป็นสำหรับการสื่อสารดังนี้

1. เป้าหมายของผู้ส่งสาร จุดประสงค์สำคัญๆของผู้ส่งสารสำหรับเพื่อการกระทำสื่อสาร ยกตัวอย่างเช่น

1.1 เพื่อบอกให้ทราบ (Inform) ซึ่งมีความหมายว่าสำหรับการกระทำติดต่อนั้นผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะบอกแจ้งหรือแจกแจงข้อมูลเรื่องราวเหตุ ข้อมูล หรือสิ่งอื่นใดให้ ผู้รับสารได้รับรู้หรือกำเนิดความรู้ความเข้าใจ

1.2 เพื่อสอนหรือให้การเล่าเรียน (Teach or Educate) ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะสอนวิชาความรู้หรือเรื่องราวที่มีลักษณะเป็นวิชาการ เพื่อผู้รับสารได้รับวิชาความรู้มากขึ้นจากเดิม

1.3 เพื่อสร้างความชอบใจหรือให้ความบันเทิง (Please or Entertain) ซึ่งแปลว่า สำหรับเพื่อการติดต่อและทำการสื่อสารนั้นผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะทำให้ผู้รับสารกำเนิดความสนุกสนานสนุกสนานจากสารที่ตนส่งออกไปไม่ว่าจะในรูปของการพูด การเขียนหรือการแสดงพฤติกรรม

1.4 เพื่อเสนอหรือชักนำ (Propose or Persuade) ซึ่งแสดงว่า ผู้ส่งสารได้แนะนำบางอย่างต่อผู้รับสารรวมทั้งมีความต้องการชักจูงให้ผู้รับสารมีความคิดเชื่อฟัง หรือเห็นด้วยประพฤติตามการแนะนำของตัวเอง

2. จุดประสงค์ของผู้รับสาร ในส่วนของผู้รับสารเอง เมื่อผู้รับสารได้ร่วมในกิจกรรม ทางการติดต่อและทำการสื่อสารกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง ผู้รับสารก็มีจุดประสงค์หรือสิ่งที่จำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายประเภทจากการติดต่อสื่อสารนั้นๆกล่าวโดยย่อ เป้าหมายสำคัญๆของผู้รับสารสำหรับในการทำสื่อสาร ยกตัวอย่างเช่น

2.1 เพื่อรู้ (Understand) ซึ่งแปลว่า สำหรับการร่วมกิจกรรมทางการ สื่อสารนั้น ผู้รับสารมีความต้องการที่จะทราบเรื่องราวข่าว เรื่อง ข้อมูล หรือสิ่งอื่น ใดที่มีผู้แจ้งหรือรายงานหรือแจกแจง แม้ข่าวที่ได้รับรู้นั้นเป็นของใหม่ก็ทำให้ผู้รับสารได้ยินข่าวสารเสริมเติม ถ้าเกิดข้อมูลที่ได้รับรู้นั้นเป็นสิ่งที่ตนได้เคยรับรู้มาก่อน ก็เป็นการรับรองความถูกต้องแน่ใจของข่าวที่ตนมีอยู่ให้กำเนิดความเชื่อมั่นและมั่นใจเพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามแม้ข่าวที่ได้มา ใหม่ไม่ตรงกันกับข่าวที่ตนมีอยู่เดิม ผู้รับสารก็จะได้พินิจว่าข้อมูลใดมีความน่าวางใจหรือมี ความถูกต้องชัดเจนมากยิ่งกว่ากัน

2.2 เพื่อศึกษา (Learn) ซึ่งแสดงว่า การเสาะหาวิชาความรู้ของผู้รับสารจากการติดต่อสื่อสาร รูปแบบของสารในกรณีนี้ชอบเป็นสารที่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิชาความรู้รวมทั้ง วิชาการเป็นการกล่าวโทษทราบเสริมเติม รวมทั้งเป็นการทำความเข้าใจกับเนื้อหารายละเอียดสำหรับเพื่อการสอนของผู้ส่งสาร

2.3 เพื่อกล่าวโทษพึงพอใจ (Enjoy) ซึ่งแสดงว่า โดยทั่วไปมนุษย์เรานั้นเว้นแต่ต้องการจะรู้เรื่องราว เรื่องราว แล้วก็เรียนใส่ความทราบแล้ว พวกเรายังอยากได้ความสนุกสนาน อยากการ พักผ่อนหย่อนใจด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวในบางโอกาสในบางเหตุการณ์มนุษย์เราในฐานะผู้รับสารก็เลยมีความต้องการที่จะเสาะหาสิ่งซึ่งสามารถสร้างความตลกเพลิดเพลินแล้วก็ความไม่กังวลใจให้แก่ตัวเองด้วย

2.4 เพื่อทำหรือตกลงใจ (Dispose or Decide) ซึ่งแปลว่า สำหรับเพื่อการดำรงชีวิตทุกวันของผู้คนนั้น สิ่งหนึ่งที่พวกเราจะต้องปฏิบัติอยู่ตลอดก็คือการตัดสินใจทำการอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับการตกลงใจของพวกเรานั้น ชอบได้รับการชี้แนะหรือชักนำให้ทำแบบนั้น แบบนี้จากบุคคลอื่นอยู่ตลอด ลู่ทางสำหรับการตกลงใจของพวกเราขึ้นกับที่ว่าคำแนะนำนั้นๆมีความน่าไว้วางใจและก็เป็นได้แค่ไหน แล้วก็อาศัยจากข้อมูลข้อมูลวิชาความรู้ รวมทั้งความศรัทธาที่พวกเราสั่งสมมาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตกลงใจของพวกเรา

พวกเราจะมองเห็นได้ว่า ทั้งยังผู้ส่งสารแล้วก็ผู้รับสารต่างก็มีจุดหมายของตน มีความต้องการ ของตน เมื่อใดก็ตามที่จุดประสงค์หรือความอยากได้ของทั้งสองฝ่ายสอดคล้องเป็นไปในลักษณะเดียวกัน การ ติดต่อก็เจอผลส าเร็จ ทั้งสองฝ่ายได้สิ่งที่ตนอยากได้ ตรงกันข้ามเมื่อใดก็ตามที่ จุดหมายหรือความอยากได้ของทั้งสองฝ่ายไม่สอดคล้องเป็นไปในลักษณะเดียวกันหรือขัดแย้งกัน การ ติดต่อและทำการสื่อสารก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ในช่วงต้นของเรื่องเป้าหมายที่แสดงความอยากนี้ ได้ ยกตัวอย่างของความผิดพลาดของการติดต่อสื่อสารสาเหตุจากผู้ส่งสารแล้วก็ผู้รับสารมี จุดหมายต่างกันแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป จะยกตัวอย่างที่บอกให้เห็นถึงรูปแบบของการติดต่อสื่อสารที่เป้าหมายแต่ละจุดหมายของผู้ส่งสารรวมทั้งผู้รับสารสอดคล้องเป็นไปในลักษณะเดียวกัน โดยจะขอชูเหตุการณ์การติดต่อสื่อสาร (Communication Situation) ซึ่งแสดงถึงทั้งยังเป้าหมายของผู้ส่งสารและก็จุดหมายของผู้รับสารมาชี้แจงประกอบเพื่อความรู้ความเข้าใจที่แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น

1. เป้าประสงค์ของผู้ส่งสารเป็น เพื่อบอกให้ทราบจุดมุ่งหมายของผู้รับสารเป็นเพื่อรู้ แบบอย่างเช่น การที่กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันในฐานะผู้ส่งสารพิมพ์หนังสือพิมพ์ออกมาเป็นรายวัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อรายงานข่าวสารรวมทั้งเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อพลเมืองได้รู้นักอ่านในฐานะผู้รับสารอ่านหนังสือพิมพ์ก็เพื่อรู้ข่าวสารการเคลื่อนไหว เปลี่ยนของบุคคลแล้วก็เรื่องราวต่างๆ

2. จุดหมายของผู้ส่งสารเป็น เพื่อสอนหรือให้การเล่าเรียนเป้าประสงค์ของผู้รับสารเป็น เพื่อศึกษาเล่าเรียน แบบอย่างยกตัวอย่างเช่น การที่อาจารย์สอนหนังสือในชั้นเรียน คุณครูในฐานะผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะสอนให้เด็กนักเรียนมีความรู้ในเนื้อหารายละเอียดของวิชา ในเวลาที่เด็กนักเรียนในฐานะผู้รับสารมาเรียนก็ เพื่อเล่าเรียนใส่ความทราบจากอาจารย์

3. เป้าประสงค์ของผู้ส่งสารเป็น เพื่อสร้างความพึงพอใจ