ความชำนาญสำหรับในการติดต่อและทำการสื่อสาร
ความสามารถสำหรับการติดต่อและทำการสื่อสาร
ชีวิตคือเรื่องของการเรียนและก็สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญรวมทั้งควรจะมีการเล่าเรียนเป็น ความเกี่ยวข้อง หรือ มนุษยสัมพันธ์ เพราะเหตุว่าทุกๆอย่างในโลกนี้มักเป็นบทเรียนของกันและกัน หากไม่ใส่ใจศึกษา ซึ่งกันและกันก็จะอยู่ในโลกนี้ด้วยความยากแค้น เนื่องจากว่าชีวิตจะมีคุณค่าและก็รู้สึกสุขสบายเมื่อได้ แสดงออกอย่างที่รู้สึกได้โอกาสทำความเข้าใจเรื่องราวแล้วก็ของใหม่ๆดังที่พวกเราอยาก
ฉะนั้นการบรรลุผลของผู้คนสำหรับการดำเนินชีวิตทั่วๆไป ก็เลยมักมีกฎเกณฑ์ไว้อย่างกว้างๆว่าพวกเราจึงควรกับผู้ที่พวกเราติดต่อด้วยให้ได้ รวมทั้งจะต้องเข้าให้เจริญ ด้วยการศึกษาที่จะผูกมิตรด้วยกัน โดยอาศัยกรรมวิธีติดต่อและทำการสื่อสารรวมทั้งหลักจิตวิทยาความเกี่ยวพันระหว่างมนุษย์โดยปกติมัก ถูกเห็นว่าคือเรื่องของศิลป์ (Arts) มากยิ่งกว่าศาสตร์ (Science) นั่นหมายความว่า การเรียนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของบุคคลแต่อย่างเดียวโดยขาดศาสตร์ของการติดต่อสื่อสารย่อมขาดศิลป์สำหรับในการนำไปประยุกต์ในชีวิตจริงให้ไปถึงเป้าหมายได้
ความหมายรวมทั้งหน้าที่ของการติดต่อสื่อสาร
นักวิชาการได้ชี้แจงความหมายของการติดต่อสื่อสารเอาไว้ในลักษณะเดียวกัน ดังจะยกตัวอย่างตั้งแต่นี้ต่อไป
แมคเดวิด และก็ ฮารารี (McDavid & Herbert Harari, 1974 : 128) ให้คำจำกัดความว่า การติดต่อสื่อสารในทางจิตวิทยา คือ การแลกเปลี่ยนความนึกคิดรวมทั้งประสบการณ์ระหว่างบุคคล
เชอร์เมอร์ฮอร์น แล้วก็แผนก (Schermerhorn, et al., 2003 : 337) ชี้แจงว่า การติดต่อสื่อสารเป็นแนวทางการส่งแล้วก็รับข่าวสารเพื่อกำเนิดความรู้ความเข้าใจความหมายที่ตรงกัน
รอบบินส์ (Robbins, 2001 : 284) ได้ชี้แจงว่า การติดต่อสื่อสารที่ดีต้องมีการถ่ายทอด ความหมายจากผู้ส่งไปยังคนรับ ซึ่งคนรับจะเข้าประเด็นหลักหมายนั้นได้ ความนึกคิดต่างๆจะไร้ค่าจนกระทั่งขั้นต่ำได้ถ่ายทอดและก็ทำให้คนอื่นรู้เรื่อง การติดต่อสื่อสารมีความสมบูรณ์ หากความนึกคิดถูกถ่ายทอดจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารกำเนิดภาพในใจ เหมือนกันกับผู้ส่งสาร อย่างไรก็ดี ส่วนประกอบทางด้านทฤษฎีความสมบูรณ์ของการติดต่อสื่อสารไม่เคยเสร็จในทางปฏิบัติด้วยเหตุผลหลายประเภทซึ่งจะอภิปรายถัดไป
จากความหมายของการติดต่อสื่อสารดังได้ยกตัวอย่างมานี้ สรุปแนวความคิดของนักวิชาการมุ่ง ชี้แจงว่า การติดต่อสื่อสารเป็นกรรมวิธีส่งแล้วก็รับข้อมูลสารสนเทศ ความนึกคิดรวมทั้ง ประสบการณ์ระหว่างผู้ติดต่อกับผู้รับสารเพื่อกำเนิดความรู้ความเข้าใจตรงกัน ซึ่งในขณะนี้การติดต่อสื่อสารในหน่วยงานสามารถทำเป็นหลายแบบอย่างแล้วก็ในตอนนี้ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้สำหรับติดต่อสื่อสารมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อสื่อสารทางอิเลคทรอนิกส์ผ่านโครงข่าย คอมพิวเตอร์ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีคุณภาพแล้วก็ประสิทธิผลสูง
หน้าที่ของการติดต่อสื่อสาร
การติดต่อสื่อสารจะเกี่ยวพันกับวิธีการบริหารทุกขั้นตอน ทำให้ประธานสามารถจัดการตามหน้าที่ความรับผิดชอบให้สำเร็จตามเป้าหมาย นับจากจะต้องใช้ข่าวสารสำหรับในการคิดแผน การติดต่อสื่อสารแผนงานไปยังผู้ปฏิบัติการให้รู้เรื่อง การจัดหน่วยงานก็อยากการ ติดต่อและทำการสื่อสารสำหรับในการมอบหมายงาน ควรจะมีการติดต่อสื่อสารเพื่อออกคำสั่งรวมทั้งติดต่อประสานงานให้ ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุวัตถุประสงค์ในหัวข้อนี้ บิตเติล (2539 : 174) ได้เสนอแนวความคิดว่า ประธานจำเป็นจะต้องสามารถใช้ภาษาพูด รวมทั้งภาษาสุภาพได้อย่างแม่นยำ กระจ่างแจ้ง เข้าใจง่าย เพื่อการถ่ายทอดข่าวคำบัญชารวมทั้งทางปฏิบัติไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไม่ บกพร่องพร้อมกับใช้ขั้นตอนสื่อสารสำหรับการควบคุมงาน การติดต่อสื่อสารก็เลยมีหน้าที่สำคัญที่ช่วยทำให้การจัดการมีประสิทธิผลเวลาจำนวนมากของประธานก็เลยใช้ในกิจกรรมการติดต่อสื่อสาร
การติดต่อสื่อสารเป็นสาระสำคัญของหน้าที่ของประธาน ซึ่งประธานมีความสำคัญควรจะมีหน้าที่ที่สำคัญ 3 ประการ หมายถึงความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การติดต่อสื่อสาร แล้วก็การตัดสินใจ หน้าที่ด้านสารสนเทศ (Informational role) ประธานบางครั้งอาจจะจำต้องค้นหาข่าวสารจากเพื่อนพ้อง ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชารวมทั้งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ เป็นผู้เผยแพร่ข่าวสารต่างๆแก่คนอื่นๆ เกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีผลพวงต่องานและก็ความรับผิดชอบของพวกเขา ในเวลาเดียวกันคนกลุ่มนี้ ก็จะเป็นหัวหน้าข่าวสารไปเผยแพร่ติดต่อและทำการสื่อสารกับคนอื่นถัดไปอีก หรือบางทีอาจเป็นผู้โฆษณาภาพพจน์หน่วยงานต่อสังคมข้างนอกด้วยในขณะเดียวกัน
รอบบินส์ (Robbins, 2001 : 284-285) ได้ชี้แจงถึงหน้าที่ของการติดต่อสื่อสารว่าการติดต่อปฏิบัติหน้าที่หลักสำคัญในกรุ๊ปหรือหน่วยงาน 4 ประการ หมายถึง
1. การควบคุม การติดต่อสื่อสารในหน่วยงานของหัวหน้าและก็ผู้ใต้บังคับบัญชาจะอยู่ในรูปของการบังคับบัญชาการทำงาน การตำหนิดตามงาน รวมทั้งการวัดผลการทำงานเพื่อได้งานที่มีประสิทธิผล
2. การชักชวน หัวหน้าสามารถดึงดูดใจผู้ใต้บังคับบัญชาโดยการบอกถึงความเจริญก้าวหน้าสำหรับเพื่อการดำเนินการของผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีคุณภาพ ดังเช่น การเลื่อนตำแหน่ง การขึ้นค่าแรง ฯลฯ หรือ การใช้คำกล่าวเพื่อเสริมแรงบวก อย่างเช่น การสรรเสริญ ฯลฯ
3. การแสดงออกทางอารมณ์ การติดต่อสื่อสารสามารถที่สามารถจะช่วยลดความขุ่นเคืองทางด้านอารมณ์โดยการคุยกับคนอื่นๆ
4. การให้ข้อมูล การติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆนั้นทำให้หน่วยงานได้รับรู้ข้อมูลต่างๆสิ่งที่จำเป็นของลูกค้าหรือข้อมูลของผู้แข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งมีคุณประโยชน์เพื่อนำมาตกลงใจสำหรับการระบุยุทธวิธีต่างๆของหน่วยงาน
อย่างไรก็แล้วแต่ไม่บางทีอาจบ่งชัดลงไปว่าหน้าที่ข้อไหนสำคัญมากกว่ากัน กรุ๊ปที่มีประสิทธิผล ปรารถนาการควบคุมสมาชิก จำเป็นต้องดึงดูดใจสมาชิกให้ดำเนินงาน จำเป็นต้องจัดให้มีการแสดงออกทางอารมณ์และก็จำเป็นต้องกระทำการตกลงใจเลือกโอกาสที่ยอดเยี่ยมจากข้อมูลที่พอเพียง การติดต่อสื่อสารก็เลยจำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจหลักสำคัญในกรุ๊ปหรือหน่วยงานอีกทั้งสี่ประการดังที่ได้กล่าวมาแล้วมาแล้ว
เป้าประสงค์ของการติดต่อสื่อสาร
เมื่อพวกเราได้รู้ถึงความหมายจุดสำคัญและก็รูปแบบของการติดต่อสื่อสารแล้ว สิ่งหนึ่งที่พวกเราควรรู้รวมทั้งรู้เรื่องถัดไปก็คือจุดมุ่งหมายของการติดต่อสื่อสาร
โดยธรรมดาพวกเราพอเพียงจะสรุปได้ว่า ผู้ส่งสารและก็ผู้รับสารมีจุดหมายที่แสดงสิ่งที่จำเป็นสำหรับการสื่อสารดังนี้
1. เป้าหมายของผู้ส่งสาร จุดประสงค์สำคัญๆของผู้ส่งสารสำหรับเพื่อการกระทำสื่อสาร ยกตัวอย่างเช่น
1.1 เพื่อบอกให้ทราบ (Inform) ซึ่งมีความหมายว่าสำหรับการกระทำติดต่อนั้นผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะบอกแจ้งหรือแจกแจงข้อมูลเรื่องราวเหตุ ข้อมูล หรือสิ่งอื่นใดให้ ผู้รับสารได้รับรู้หรือกำเนิดความรู้ความเข้าใจ
1.2 เพื่อสอนหรือให้การเล่าเรียน (Teach or Educate) ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะสอนวิชาความรู้หรือเรื่องราวที่มีลักษณะเป็นวิชาการ เพื่อผู้รับสารได้รับวิชาความรู้มากขึ้นจากเดิม
1.3 เพื่อสร้างความชอบใจหรือให้ความบันเทิง (Please or Entertain) ซึ่งแปลว่า สำหรับเพื่อการติดต่อและทำการสื่อสารนั้นผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะทำให้ผู้รับสารกำเนิดความสนุกสนานสนุกสนานจากสารที่ตนส่งออกไปไม่ว่าจะในรูปของการพูด การเขียนหรือการแสดงพฤติกรรม
1.4 เพื่อเสนอหรือชักนำ (Propose or Persuade) ซึ่งแสดงว่า ผู้ส่งสารได้แนะนำบางอย่างต่อผู้รับสารรวมทั้งมีความต้องการชักจูงให้ผู้รับสารมีความคิดเชื่อฟัง หรือเห็นด้วยประพฤติตามการแนะนำของตัวเอง
2. จุดประสงค์ของผู้รับสาร ในส่วนของผู้รับสารเอง เมื่อผู้รับสารได้ร่วมในกิจกรรม ทางการติดต่อและทำการสื่อสารกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง ผู้รับสารก็มีจุดประสงค์หรือสิ่งที่จำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายประเภทจากการติดต่อสื่อสารนั้นๆกล่าวโดยย่อ เป้าหมายสำคัญๆของผู้รับสารสำหรับในการทำสื่อสาร ยกตัวอย่างเช่น
2.1 เพื่อรู้ (Understand) ซึ่งแปลว่า สำหรับการร่วมกิจกรรมทางการ สื่อสารนั้น ผู้รับสารมีความต้องการที่จะทราบเรื่องราวข่าว เรื่อง ข้อมูล หรือสิ่งอื่น ใดที่มีผู้แจ้งหรือรายงานหรือแจกแจง แม้ข่าวที่ได้รับรู้นั้นเป็นของใหม่ก็ทำให้ผู้รับสารได้ยินข่าวสารเสริมเติม ถ้าเกิดข้อมูลที่ได้รับรู้นั้นเป็นสิ่งที่ตนได้เคยรับรู้มาก่อน ก็เป็นการรับรองความถูกต้องแน่ใจของข่าวที่ตนมีอยู่ให้กำเนิดความเชื่อมั่นและมั่นใจเพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามแม้ข่าวที่ได้มา ใหม่ไม่ตรงกันกับข่าวที่ตนมีอยู่เดิม ผู้รับสารก็จะได้พินิจว่าข้อมูลใดมีความน่าวางใจหรือมี ความถูกต้องชัดเจนมากยิ่งกว่ากัน
2.2 เพื่อศึกษา (Learn) ซึ่งแสดงว่า การเสาะหาวิชาความรู้ของผู้รับสารจากการติดต่อสื่อสาร รูปแบบของสารในกรณีนี้ชอบเป็นสารที่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิชาความรู้รวมทั้ง วิชาการเป็นการกล่าวโทษทราบเสริมเติม รวมทั้งเป็นการทำความเข้าใจกับเนื้อหารายละเอียดสำหรับเพื่อการสอนของผู้ส่งสาร
2.3 เพื่อกล่าวโทษพึงพอใจ (Enjoy) ซึ่งแสดงว่า โดยทั่วไปมนุษย์เรานั้นเว้นแต่ต้องการจะรู้เรื่องราว เรื่องราว แล้วก็เรียนใส่ความทราบแล้ว พวกเรายังอยากได้ความสนุกสนาน อยากการ พักผ่อนหย่อนใจด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวในบางโอกาสในบางเหตุการณ์มนุษย์เราในฐานะผู้รับสารก็เลยมีความต้องการที่จะเสาะหาสิ่งซึ่งสามารถสร้างความตลกเพลิดเพลินแล้วก็ความไม่กังวลใจให้แก่ตัวเองด้วย
2.4 เพื่อทำหรือตกลงใจ (Dispose or Decide) ซึ่งแปลว่า สำหรับเพื่อการดำรงชีวิตทุกวันของผู้คนนั้น สิ่งหนึ่งที่พวกเราจะต้องปฏิบัติอยู่ตลอดก็คือการตัดสินใจทำการอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับการตกลงใจของพวกเรานั้น ชอบได้รับการชี้แนะหรือชักนำให้ทำแบบนั้น แบบนี้จากบุคคลอื่นอยู่ตลอด ลู่ทางสำหรับการตกลงใจของพวกเราขึ้นกับที่ว่าคำแนะนำนั้นๆมีความน่าไว้วางใจและก็เป็นได้แค่ไหน แล้วก็อาศัยจากข้อมูลข้อมูลวิชาความรู้ รวมทั้งความศรัทธาที่พวกเราสั่งสมมาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตกลงใจของพวกเรา
พวกเราจะมองเห็นได้ว่า ทั้งยังผู้ส่งสารแล้วก็ผู้รับสารต่างก็มีจุดหมายของตน มีความต้องการ ของตน เมื่อใดก็ตามที่จุดประสงค์หรือความอยากได้ของทั้งสองฝ่ายสอดคล้องเป็นไปในลักษณะเดียวกัน การ ติดต่อก็เจอผลส าเร็จ ทั้งสองฝ่ายได้สิ่งที่ตนอยากได้ ตรงกันข้ามเมื่อใดก็ตามที่ จุดหมายหรือความอยากได้ของทั้งสองฝ่ายไม่สอดคล้องเป็นไปในลักษณะเดียวกันหรือขัดแย้งกัน การ ติดต่อและทำการสื่อสารก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ในช่วงต้นของเรื่องเป้าหมายที่แสดงความอยากนี้ ได้ ยกตัวอย่างของความผิดพลาดของการติดต่อสื่อสารสาเหตุจากผู้ส่งสารแล้วก็ผู้รับสารมี จุดหมายต่างกันแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป จะยกตัวอย่างที่บอกให้เห็นถึงรูปแบบของการติดต่อสื่อสารที่เป้าหมายแต่ละจุดหมายของผู้ส่งสารรวมทั้งผู้รับสารสอดคล้องเป็นไปในลักษณะเดียวกัน โดยจะขอชูเหตุการณ์การติดต่อสื่อสาร (Communication Situation) ซึ่งแสดงถึงทั้งยังเป้าหมายของผู้ส่งสารและก็จุดหมายของผู้รับสารมาชี้แจงประกอบเพื่อความรู้ความเข้าใจที่แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น
1. เป้าประสงค์ของผู้ส่งสารเป็น เพื่อบอกให้ทราบจุดมุ่งหมายของผู้รับสารเป็นเพื่อรู้ แบบอย่างเช่น การที่กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันในฐานะผู้ส่งสารพิมพ์หนังสือพิมพ์ออกมาเป็นรายวัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อรายงานข่าวสารรวมทั้งเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อพลเมืองได้รู้นักอ่านในฐานะผู้รับสารอ่านหนังสือพิมพ์ก็เพื่อรู้ข่าวสารการเคลื่อนไหว เปลี่ยนของบุคคลแล้วก็เรื่องราวต่างๆ
2. จุดหมายของผู้ส่งสารเป็น เพื่อสอนหรือให้การเล่าเรียนเป้าประสงค์ของผู้รับสารเป็น เพื่อศึกษาเล่าเรียน แบบอย่างยกตัวอย่างเช่น การที่อาจารย์สอนหนังสือในชั้นเรียน คุณครูในฐานะผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะสอนให้เด็กนักเรียนมีความรู้ในเนื้อหารายละเอียดของวิชา ในเวลาที่เด็กนักเรียนในฐานะผู้รับสารมาเรียนก็ เพื่อเล่าเรียนใส่ความทราบจากอาจารย์
3. เป้าประสงค์ของผู้ส่งสารเป็น เพื่อสร้างความพึงพอใจ